กลุ่มคนขับแท็กซี่ขอขึ้นค่าโดยสารจากเริ่มต้น 35 บาท เป็น 45 บาท หลังไม่ได้ขึ้น 8 ปี รายได้สวนทางค่าครองชีพ ชี้ถ้าไม่ได้ตามนี้เกิดปัญหาแท็กซี่ขาดแคลน - ปฏิเสธผู้โดยสารเพิ่มอีกชัวร์

ภาพจาก Raquel Rodr/Shutterstock.com
วันที่ 1 กันยายน 2565 ช่อง 3 รายงานว่า นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างรถแท็กซี่ กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานกำลังพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ โดยยืนยันจะไม่ให้มีผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายประชาชน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควบคู่ไปกับการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร
นายสรพงศ์ ระบุถึงการพิจารณาดังกล่าวสืบเนื่องมาจากผลการศึกษาของ ทีดีอาร์ไอ ที่พบว่ารายได้ของคนขับแท็กซี่สวนทางกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7 และการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชน ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการปรับอัตราค่าโดยสารดังกล่าว
ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารที่ทางเครือข่าย 4 สมาคมแท็กซี่เสนอปรับเข้ามาหลัก ๆ นั้น ได้แก่
- ปรับอัตราเริ่มต้นจาก 35 บาท เป็น 45 บาท จากนั้นกิโลเมตรที่ 2 เพิ่มเป็น 10 บาท จากเดิมกิโลเมตรละ 5.5 บาท
- กรณีจราจรติดขัด คิด 5 บาทต่อนาที จากปัจุจบัน 1.50 บาทต่อนาที
- กรณีเรียกผ่านศูนย์ฯ บวกเพิ่มจากค่าโดยสารอีก 35 บาท
- แท็กซี่สนามบิน เก็บค่าจ้างเพิ่ม (เซอร์วิสชาร์จ) จาก 50 บาท เพิ่มเป็น 75 บาท
ขณะที่นายวิทูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยนั้น ทางกรมการขนส่งทางบกอาจปรับขึ้นให้เพียงครึ่งหนึ่งจากที่ขอไป คือ คงไว้ที่ 35 บาท และขึ้นค่าโดยสารตามระยะทาง 5% เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่สะท้อนต้นทุน ส่งผลให้แท็กซี่ไม่มีเงินพอที่จะนำรถที่จอดในช่วงโควิดมาซ่อมแล้วนำกลับมาใช้บริการได้เพราะต้องใช้ทุนซ่อมคันละไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ อีกไม่เกิน 6 เดือน จะเกิดปัญหาแท็กซี่ขาดแคลน และนำไปสู่การปฏิเสธผู้โดยสารมากขึ้นแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3