แม่โวยคลอดลูก แต่หมอออกเวรไปออกกำลังกาย วิดีโอคอลให้พยาบาลทำแทน สุดท้าย...

            ล่าสุด (7 กันยายน 2565) เฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานบทสัมภาษณ์ คุณแม่อายุ 25 ปี เผยว่า ช่วงเช้าของวันที่ 19 สิงหาคม ตนเจ็บท้องเหมือนใกล้คลอด จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลดังกล่าว หมอบอกว่ามดลูกเปิด 1 เซนติเมตร ให้กลับบ้านก่อน พอตกกลางคืนปวดท้องอีก จึงไปหาหมออีกครั้ง หมอให้นอนโรงพยาบาลจนเช้าวันต่อมา หมอก็ให้ยาเร่งคลอดและมดลูกก็ทยอยเปิด ซึ่งตนเจ็บตั้งแต่ 5 เซนติเมตรแรก

            ทั้งนี้ ตนบอกกับหมอว่าอยากย้ายโรงพยาบาล ให้ส่งฉุกเฉินผ่าได้ไหม โรงพยาบาลไหนก็ได้ ทางหมอก็บอกว่า ถ้าให้ส่งตัวไปก็ต้องเซ็นปฏิเสธการรักษาที่โรงพยาบาลของเขาและให้เราไปเอง ซึ่งตนก็ไม่มีเงินไปเอง หากโรงพยาบาลจะไม่ไปส่ง

            กระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 20 สิงหาคม พยาบาลพาเข้าห้องคลอดจนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่หมอทำคลอดตนรู้หมด เบ่งจนสุดแล้วลูกก็ยังไม่ออก หมอก็โทรศัพท์หาหมอใหญ่และบอกว่าเราไม่เบ่งเลย

            ตนยืนยันว่าตอนนั้นตนเบ่งจนร่างกายไม่ไหวแล้ว จนหมอมาและบอกว่าจะส่งผ่าอีกโรงพยาบาลใน จ.ปทุมธานี แต่ทางโรงพยาบาลนั้นบอกว่า หมอทำคลอดออกเวรแล้วไปออกกำลังกาย จากนั้นหมอของทั้งสองโรงพยาบาลก็ได้วิดีโอคอลคุยกันเพื่อที่จะทำคลอด

            ทางหมอก็ได้ใช้เครื่องดูดลูกของตนออกมา และพยาบาลก็บอกว่า ลูกเราไม่ดีแล้วนะ เพราะเราไม่เบ่ง จนเวลาประมาณ 15.40 น. ลูกของตนก็ออกมาแต่ลูกไม่หายใจแล้ว ทางหมอก็พยายามปั๊มหัวใจ และตีลูกให้เด็กตื่น หมอบอกว่าตนไม่เบ่ง ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่โทษพยาบาลโทษหมอ ณ ตรงนั้นหมอบอกให้ทำใจเพราะลูกตนไม่ดีตั้งแต่แรก ซึ่งตนไม่รู้ว่าคำว่าไม่ดีตั้งแต่แรก เป็นตั้งแต่ในท้องหรือตอนที่ทำคลอด เพราะทั้งหมอและพยาบาลไม่อธิบายอะไรเลย
            ส่วนกรณีที่ตนขอผ่าคลอดแล้วหมอไม่ให้ หมอให้เหตุผลว่าการผ่าคลอดแม่ต้องมีอาการแทรกซ้อน มีโรคประจำตัว ลูกไม่ดี ลูกตัวเล็ก ซึ่งลูกตนตัวเล็กอยู่แล้ว 8 เดือน น้ำหนักแค่ 1,500 กิโลกรัม  ตนฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหนึ่ง พอเข้าเดือนที่ 8 ตนย้ายมาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ใช้สิทธิบัตร 30 บาทเนื่องจากใกล้บ้าน ทำให้ตนสงสัยว่าหมอไม่อ่านรายละเอียดตั้งแต่แรกเหรอ ว่าลูกตนตัวเล็กและตนก็เป็นโรคหอบ แต่ทางหมอก็ไม่ส่งผ่าคลอด

            แม่ของเด็ก กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นโรงพยาบาลส่งตัวลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลเด็กใน จ.สระบุรี เพื่อสแกนสมอง ปรับร่างกายเป็นเวลา 3 วัน แล้วก็ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลที่ทำคลอด แต่น้องอาการไม่ดีขึ้น ไปอย่างไรก็กลับมาอย่างนั้น ทางโรงพยาบาลที่รับเด็กไปรักษาบอกให้ทำใจ เพราะเด็กที่สำลักน้ำคร่ำ รักษาจนสุดแล้วก็ไม่ตื่น ต้องยุติการรักษา ต่อให้ตื่นขึ้นมาได้ก็พิการติดเตียง ต้องเจาะท้อง เจาะคอ เพื่อให้สารอาหาร ตนจึงต้องปล่อยลูกไป

            อยากไรก็ตาม ลูกคนนี้เป็นลูกชายคนแรกและตั้งใจมาก จึงอยากให้ทางโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง ออกมาชี้แจงหรือรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตอนที่อยู่ในห้องคลอดมีแค่พยาบาล 5-6 คน กับผู้ช่วยพยาบาลโดยไม่มีหมอทำคลอดอยู่ในห้องเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก โหนกระแส