x close

จบคดีหนัง เดอะบีช ทำอ่าวมาหยาพัง ศาลสั่งกรมป่าไม้ฟื้นฟู - เซนจูรี่ ฟอกซ์ฯ ช่วย 10 ล้าน

          ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม พิพากษาสั่งกรมป่าไม้ ปรับปรุงแก้ไขอ่าวมาหยา ให้กลับคืนสภาพเดิม หลังอนุญาตให้ถ่ายหนัง เดอะบีช ปี 2541 ให้บริษัท ทเวนตีท์ เซนจูรี่ ฟอกซ์ฯ จ่ายเงิน 10 ล้านบาท

จบคดีหนัง เดอะบีช ทำอ่าวมาหยาพัง
ภาพจาก GagliardiPhotography / Shutterstock.com

          วันที่ 13 กันยายน 2565 เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า ศาลแพ่ง อ่านคำพิพากษาฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม คดีที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ โจทก์ที่ 1 และองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โจทก์ที่ 2 กับพวกรวม 19 ราย ร่วมกันยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำเลยที่ 1, กรมป่าไม้ จำเลยที่ 2, อธิบดีกรมป่าไม้ จำเลยที่ 3, บริษัทซันต้า อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์มฯ จำเลยที่ 4 และบริษัททเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ฯ จำเลยที่ 5 ในความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ


          สืบเนื่องจากเมื่อปี 2541 ได้มีการอนุมัติให้มีการถ่ายภาพยนตร์ เรื่อง เดอะบีช จนมีการตกแต่งเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ชายหาดอ่าวมาหยา บนเกาะพีพี ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดิม โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ปรับปรุงแก้ไขหาดมาหยาให้กลับคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ และให้จำเลยที่ 2 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทําแผนการแก้ไขฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนบริเวณอ่าวมาหยา

          ส่วนจำเลยที่ 4 - 5 ให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งตามสัญญานั้น จำเลยที่ 5 ประสงค์และยินดีมอบเงินช่วยเหลืออนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจำนวน 10 ล้านบาท ขณะที่จําเลยที่ 1 และที่ 3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

          ทั้งนี้ จำเลยยื่นอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย แต่ต่อมาโจทก์ที่ 1 - 2 ยื่นฎีกา โดยคำพิพากษาศาลฎีกา สรุปว่า ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน จึงกลับคำพิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คือ จนกว่าหาดมาหยามีสภาพเดิมตามธรรมชาติ ให้ จำเลยที่ 2 และคณะทำงานแก้ไขฟื้นฟูอ่าวมาหยา ตามที่ศาลเห็นสมควร

          ส่วนจำเลยที่ 4 - 5 ให้รับผิดตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งตามสัญญานั้น จำเลยที่ 5 ประสงค์และยินดีจะอำนวยการช่วยเหลืออนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมโดยมอบเงิน 10 ล้านบาท เพื่อให้โจทก์ที่ 1 - 2 นำไปใช้เพื่อการอนุรักษ์ตามอำนาจหน้าที่ และโจทก์ที่ 1 จะรายงานผลการปฏิบัติงานต่อศาลทุกกำหนด 1 ปี ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ปี หรือจนกว่าเงินจะหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

          โดยการปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกา ให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติตามคำพิพากษาฎีกาภายใน 30 วัน มิฉะนั้นจะถูกบังคับตามคำพิพากษาตามขั้นตอนกฎหมาย

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จบคดีหนัง เดอะบีช ทำอ่าวมาหยาพัง ศาลสั่งกรมป่าไม้ฟื้นฟู - เซนจูรี่ ฟอกซ์ฯ ช่วย 10 ล้าน อัปเดตล่าสุด 14 กันยายน 2565 เวลา 14:33:55 8,313 อ่าน
TOP