ติวเตอร์ชื่อดัง จี้กระทรวงศึกษาธิการ เลิกประเมินผลบ้าบอจนครูไม่เป็นอันสอน ถอดบทเรียนเหตุกราดยิงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายในโลก ควรมีมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เด็ก
ล่าสุด (6 ตุลาคม 2565) หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ประชาชนจากทุกวงการก็มีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างมากมาย ซึ่งพี่ต้นคูน
หรือ ดร.ณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ ติวเตอร์ชื่อดัง
ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก
โดยอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาตรการเกี่ยวกับเรื่องการรักษาความปลอดภัยในโรงเรียนอย่างจริงจัง
พร้อมแนะแนวทางออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้
1. เรื่องกราดยิงมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้บ่อยขึ้นและเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เพราะฉะนั้นถือเป็นภัยอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในโรงเรียน จึงควรมีการซ้อมอพยพหรือการรับมือกับสถานการณ์กราดยิง
นอกจากนี้ ดร.ณัฐพงศ์ ยังยกตัวอย่างโรงเรียนเพลินพัฒนา ที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมืออาชีพมาช่วยฝึกซ้อมรับมือและอพยพนักเรียนในกรณีที่มีเหตุการณ์กราดยิง เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
2. ในโรงเรียนควรมีการคุยข่าว คือการให้ครูประจำชั้นหรือครูที่รับผิดชอบในเรื่องนี้เอาข่าวที่เกิดขึ้นและสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับชีวิตของเด็กในแต่ละช่วงวัยมาคุยกัน เป็นการเพิ่มพูนทั้งความรู้และทักษะชีวิต รวมถึงความคิดด้วย และจะทำให้เด็กรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้เด็กรู้ข้อมูลข่าวสารน้อยมากเหลือเกิน เด็กเล็กก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ เพราะทำตามวุฒิภาวะ
3. โรงเรียนถือเป็นสถานที่เปราะบางมาก ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นบุคคลภายนอกไม่ควรที่จะเข้าไปในโรงเรียนได้ หรือถ้าเข้าไปได้ก็ควรจะจำกัดเขตไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปได้ในพื้นที่ที่เด็กอยู่ เพราะต้องไม่ลืมว่าเด็กคือกลุ่มคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 100% เมื่อเกิดเหตุการณ์จลาจลจะสับสนวุ่นวายมาก
1. เรื่องกราดยิงมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้บ่อยขึ้นและเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เพราะฉะนั้นถือเป็นภัยอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในโรงเรียน จึงควรมีการซ้อมอพยพหรือการรับมือกับสถานการณ์กราดยิง
นอกจากนี้ ดร.ณัฐพงศ์ ยังยกตัวอย่างโรงเรียนเพลินพัฒนา ที่ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมืออาชีพมาช่วยฝึกซ้อมรับมือและอพยพนักเรียนในกรณีที่มีเหตุการณ์กราดยิง เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
2. ในโรงเรียนควรมีการคุยข่าว คือการให้ครูประจำชั้นหรือครูที่รับผิดชอบในเรื่องนี้เอาข่าวที่เกิดขึ้นและสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับชีวิตของเด็กในแต่ละช่วงวัยมาคุยกัน เป็นการเพิ่มพูนทั้งความรู้และทักษะชีวิต รวมถึงความคิดด้วย และจะทำให้เด็กรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้เด็กรู้ข้อมูลข่าวสารน้อยมากเหลือเกิน เด็กเล็กก็สามารถทำกิจกรรมนี้ได้ เพราะทำตามวุฒิภาวะ
3. โรงเรียนถือเป็นสถานที่เปราะบางมาก ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นบุคคลภายนอกไม่ควรที่จะเข้าไปในโรงเรียนได้ หรือถ้าเข้าไปได้ก็ควรจะจำกัดเขตไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปได้ในพื้นที่ที่เด็กอยู่ เพราะต้องไม่ลืมว่าเด็กคือกลุ่มคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ 100% เมื่อเกิดเหตุการณ์จลาจลจะสับสนวุ่นวายมาก
โรงเรียนปลอดภัยคือมาตรการอันดับหนึ่ง มากกว่าโรงเรียนประเมินผลบ้าบอคอแตกมากมายสารพัดจนครูไม่เป็นอันสอนและเด็กไม่เป็นอันเรียนที่กระทรวงศึกษาธิการทำมาตลอด นี่จะไม่ใช่เหตุกราดยิงครั้งสุดท้ายในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องช่วยกันปกป้องเด็ก ๆ ทุกคนอย่างเต็มกำลัง พร้อมส่งกำลังใจไปให้หนองบัวลำภู