นศ. สาว อนาคตดับหลังรู้ติด HIV ต้องกินยาต้านนานเป็นปี
แถมถูกบูลลี่จนต้องออกจากมหาวิทยาลัย ผ่านไปเป็นปี
ก่อนรู้ความจริงสุดช็อกจากโรงพยาบาล
วันที่ 30 ธันวาคม 2565 เว็บไซต์ saostar รายงานกรณีของ นางสาวเฉิน นักศึกษาปี 2 ในเมืองจีอัน มณฑลเจียงซี
ประเทศจีน ที่ต้องเผชิญความทุกข์ทรมานหลังได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV
จนเธอต้องออกจากมหาวิทยาลัยและกินยาต้านอยู่นานเป็นปี
ก่อนจะพบความจริงสุดเจ็บปวดจากโรงพยาบาล
นำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาล
รายงานเผยว่า นางสาวเฉิน ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในปี 2564 เพราะรู้สึกไม่สบาย แต่ทางแพทย์สงสัยว่าเธอจะติดเชื้อ HIV นางสาวเฉินจึงไปเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้งยังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ซึ่งก็ยืนยันผลการวินิจฉัยดังกล่าว
รายงานเผยว่า นางสาวเฉิน ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในปี 2564 เพราะรู้สึกไม่สบาย แต่ทางแพทย์สงสัยว่าเธอจะติดเชื้อ HIV นางสาวเฉินจึงไปเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้งยังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ซึ่งก็ยืนยันผลการวินิจฉัยดังกล่าว
ผลจากการกินยาต้านเป็นเวลานานนับปี ทำให้นางสาวเฉินน้ำหนักขึ้นเป็น 10 กิโลกรัม แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอาการของโรคสักนิด ดังนั้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 เธอจึงไปเข้ารับการตรวจซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาลอื่น แต่กลับพบว่าผลออกมาเป็นลบ
ผลที่ได้ทำให้นางสาวเฉินกับครอบครัวทั้งดีใจและโกรธจัด พ่อของเธอรีบไปยังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคทันทีเพื่อขอคำอธิบายถึงผลการตรวจครั้งแรก แต่กลายเป็นว่าทางศูนย์ได้ยืนยันว่า นางสาวเฉินไม่ได้เป็นเอดส์หรือติด HIV แต่อย่างใด
สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจแก่ครอบครัวมาก ดังนั้นพ่อของนางสาวเฉินจึงยื่นฟ้องเพื่อขอความเป็นธรรมแก่ลูกสาว แต่คนที่รับผิดชอบห้องปฏิบัติการของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค กลับโทษว่าเป็นความผิดของนางสาวเฉินที่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ในตอนนั้น ซึ่งการตั้งครรภ์จะส่งผลต่อการทดสอบ และอาจทำให้เกิดผลบวกปลอมได้
แต่แน่นอนว่าทางครอบครัวไม่อาจยอมรับคำอธิบายนั้นได้ เพราะผลการวินิจฉัยที่ผิดพลาดทำให้อนาคตที่สดใสของลูกสาวต้องพังทลาย โดยขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการไต่สวนของศาล
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก saostar, the star