รฟท. แจงเรื่องเปลี่ยนป้ายสถานี ทำไมใช้งบ 33 ล้าน ชี้ไม่ใช่แค่ 56 อักษร แต่เป็น 112 ตัว

 

          การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงเรื่องเปลี่ยนป้ายชื่อแบบละเอียดยิบ ทำไมต้องใช้งบสูงถึง 33 ล้านบาท ชี้ไม่ใช่แค่ 56 ตัวอักษร แต่มากถึง 112 ตัวอักษร

          จากกรณีข่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย มีการลงนามจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยใช้งบประมาณ 33 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนป้ายชื่อ "สถานีกลางบางซื่อ" มาเป็น "สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์" จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่า ใช้งบประมาณสูงเกินจริงหรือไม่ ซึ่งทางการรถไฟฯ ก็ออกมาชี้แจงเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณสูงไปแล้ว

          อ่านข่าว : เตรียมเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็นชื่อ กรุงเทพอภิวัฒน์ ใช้งบ 33 ล้าน ถกแพงไปไหม

          อ่านข่าว : รฟท. แจงยิบ ทำไมเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ ถึงใช้งบสูงถึง 33 ล้านบาท


  ป้ายสถานีกลางบางซื่อ

          ล่าสุด (6 มกราคม 2566) เฟซบุ๊ก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย มีการโพสต์ชี้แจงเพิ่มเติมถึงประเด็นดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง หลังจากยังมีผู้ที่แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อโซเชียลมีเดียคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในหลายประเด็น ดังนี้

ไม่ได้เปลี่ยนป้ายชื่อแค่ 56 ตัวอักษร แต่ปรับปรุงมากถึง 112 ตัวอักษร


          กรณีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยใช้งบประมาณปรับปรุงป้ายชื่อสูงถึงตัวอักษรละ 5 แสนบาทนั้น ถือเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก เนื่องจากโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ดังกล่าว ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนป้ายชื่อจำนวน 56 อักษร อย่างที่มีการตั้งข้อสังเกต แต่ในความจริงมีการปรับปรุงป้ายชื่อมากถึง 112 ตัวอักษร (110 ตัวอักษร กับ 2 ตราสัญลักษณ์ฯ) เพราะมีการติดตั้งป้ายชื่อสถานีอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งบริเวณโดมด้านหน้าสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก และยังมีจำนวนตัวอักษรที่เพิ่มขึ้นจากป้ายเดิมอีกด้วย

รายละเอียดของการติดตั้งตัวอักษร


          - แบ่งเป็นตัวอักษรภาษาไทยฝั่งละ 24 ตัวอักษร

          - อักษรภาษาอังกฤษฝั่งละ 31 ตัวอักษร

          - ตราสัญลักษณ์การรถไฟฯ ฝั่งละ 1 ตราสัญลักษณ์ ซึ่งหากรวมทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการติดตั้งอักษรภาษาไทยรวมถึง 48 ตัวอักษร อักษรภาษาอังกฤษรวม 62 ตัวอักษร และ 2 ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟฯ

          - รวมทั้งสิ้น 112 ตัวอักษร (110 ตัวอักษร กับ 2 ตราสัญลักษณ์ฯ)


แจงขอบเขตโครงการในวงเงิน 33 ล้านบาท ไม่ได้ปรับปรุงแค่ป้ายชื่อเพียงอย่างเดียว


          สำหรับการกำหนดขอบเขตของงานโครงการฯ ในวงเงิน 33 ล้านบาทนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ค่าใช้จ่ายการปรับปรุงป้ายชื่อตัวอักษรเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงงานปรับปรุงต่าง ๆ ดังนี้

          - งานรื้อถอน

          - การเปลี่ยนผนังกระจก

          - โครงผนังกระจกอะลูมิเนียม

          - การจัดทำระบบไฟแสงสว่าง

          - ค่าการออกแบบด้านวิศวกรรมโครงสร้างและรูปแบบการติดตั้งที่มีขอบเขตงานที่เกี่ยวกับการรื้อถอนของเดิมและติดตั้งของใหม่ที่กระทบต่อโครงสร้างของอาคารสถานีที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว

          - ค่ารับประกันความชำรุดบกพร่องภายในขอบเขตงานอีก 365 วัน

          - ค่าบำรุงรักษางานระบบไฟแสงสว่าง ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะจ่ายให้ แต่ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบตลอดระยะเวลาการรับประกันผลงาน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

งานส่วนที่ 1 งานโครงสร้างวิศวกรรม

          - งานรื้อถอนผนังกระจก 85 ตารางเมตร โครงผนังกระจก 188 ตารางเมตร และป้ายสถานีเดิม 2 ฝั่ง รวมเป็นเงิน 4,098,329.16 ล้านบาท

          - งานโครงสร้างเหล็ก น้ำหนักเหล็ก 13,014 กิโลกรัม รวมเป็นเงิน 1,524,824.35 บาท

          - งานกระเช้าไฟฟ้ารองรับการทำงานที่สูง 28 เมตร รวมเป็นเงิน 605,368.00  บาท

งานส่วนที่ 2 งานสถาปัตยกรรม

          - การจัดหาและติดตั้งกระจกชุดใหม่ ที่ต้องสั่งหล่อเป็นพิเศษโดยเว้นรูเจาะให้พอดีจุดยึดโครงเหล็กกับตัวอักษรแต่ละตัวไว้ล่วงหน้า รวมเป็นเงิน 2,657,882.85 บาท

          - งานจัดหาและติดตั้งโครงกระจกอะลูมิเนียม รวมเป็นเงิน 2,094,915.02 บาท

          - งานจัดหาติดตั้งป้ายที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และสัญลักษณ์การรถไฟฯ ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวม 110 ตัวอักษร และ 2 ตราสัญลักษณ์ รวมเป็นเงิน 19,642,043.52 บาท

งานส่วนที่ 3 งานออกแบบรายละเอียดพร้อมรายการคำนวณ

          - งานออกแบบด้านวิศวกรรมโครงสร้าง และรูปแบบการติดตั้ง รวมเป็นเงิน 918,700.89 บาท

งานส่วนที่ 4 งานเผื่อเลือก (Provisional Sum)

          - งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน รวมเป็นเงิน 1,627,662.60 บาท แต่ในส่วนรายการนี้ ได้กำหนดไว้ว่า จะจ่ายให้ก็ต่อเมื่อผู้ว่าจ้างสั่งให้ดำเนินการ สำหรับงานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนผนังกระจก เช่น แผ่นผนังอะครีลิกใส เป็นต้น

          เพื่อป้องกันไม่ให้ลมหรือฝนสาดเข้าตัวอาคารสถานี ระหว่างที่รอการผลิตและติดตั้งผนังกระจกใหม่ โดยในกรณีที่ผนังกระจกใหม่สามารถผลิตและติดตั้งให้แล้วเสร็จได้ทันภายใน 90 วัน ยอดเงินเผื่อจ่าย (Provisional Sum) รายการนี้ผู้ว่าจ้างก็จะไม่ต้องสั่งให้ผู้รับจ้างดำเนินการและผู้รับจ้างก็จะไม่สามารถขอเบิกจ่ายเงินค่าจ้างได้ ซึ่งก็คือ ถ้าไม่ต้องดำเนินการก็จะไม่ต้องจ่ายเงินค่าจ้างรายการนี้ การรถไฟฯ ก็จะสามารถประหยัดเงินค่าจ้างลงได้ส่วนหนึ่งด้วย

          ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการตั้งข้อสังเกตที่ระบุว่า การรถไฟฯ ใช้งบประมาณในการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในราคาตัวอักษรละ 5 แสนบาท จึงไม่ใช่ความจริง เพราะในข้อเท็จจริงมีการติดตั้งตัวอักษรมากถึง 112 ตัวอักษร ไม่ใช่ 56 ตัวอักษร อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอื่น ๆ เข้าไปรวมอยู่ในเนื้องานอีกจำนวนมากด้วยและที่สำคัญราคาการเปลี่ยนป้ายชื่อดังกล่าวยังสอดคล้องกับราคาประมาณการของชมรมป้าย ซึ่งประเมินค่าใช้จ่ายตัวอักษร

          เนื่องจากขนาดตัวอักษรป้ายชื่อมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มีความสูงถึง 3 เมตร กว้าง 2.6 เมตร หนา 40 เซนติเมตร มีความยาวของป้ายใหม่รวม 60 เมตร ตามจำนวนอักษรของชื่อพระราชทาน ในส่วนที่เป็นอักษรภาษาอังกฤษ มีความสูง 2.1 เมตร กว้าง 2.2 เมตร หนา 40 เซนติเมตร อีกทั้งยังผลิตด้วยวัสดุพิเศษ เป็นอะคริลิกสีขาวนม ยกขอบ ซึ่งมีความทนทานต่อแดดและฝน รวมถึงซ่อนไฟแสงสว่างไว้ด้านหลังป้ายด้วย ขณะที่ตราสัญลักษณ์ของการรถไฟฯ ยังมีความสูงถึง 7 เมตรเช่นกัน



ตอบเหตุผลที่ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง


          การรถไฟฯ ขอชี้แจงเหตุผลที่ต้องจ้างโดยวิธีดังกล่าว เนื่องจากการจ้างปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นการจ้างปรับปรุงงานก่อสร้างที่ได้ดำเนินงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้วและยังอยู่ระหว่างการรับประกันความชำรุดบกพร่องของกิจการร่วมค้า เอส ยู ประกอบด้วย บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)

          โดยบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสถานี ซึ่งงานจ้างปรับปรุงฯ นี้ มีขอบเขตงานที่เกี่ยวกับการรื้อถอนของเดิมและติดตั้งของใหม่ที่กระทบต่อโครงสร้างของอาคารสถานีที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว ย่อมส่งผลต่อการรับประกันความชำรุดบกพร่องของงาน

          การรถไฟฯ จึงได้กำหนดขอบเขตของงานให้ผู้รับจ้างต้องดำเนินงานภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด รายการจำเพาะ ตามขอบข่ายวัตถุประสงค์ ของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 ซึ่งมีเพียงบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข จึงเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 56 (2) (ค) ที่ให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดจ้างจากผู้ประกอบการซึ่งมีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว ซึ่งถือเป็นการดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมมาภิบาลทุกประการ

          ท้ายนี้ การรถไฟฯ จึงขอเน้นย้ำข้อเท็จจริงเพื่อให้ความมั่นใจอีกครั้งว่า โครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ ได้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า เป็นประโยชน์ต่อรัฐและประชาชน อีกทั้งยังถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐทุกประการ พร้อมกับคำนึงถึงความสวยงาม ความปลอดภัย สอดคล้องกับการยกระดับ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ให้เป็นศูนย์กลางระบบรางที่ดีที่สุดในประเทศ และภูมิภาคต่อไป

  ป้ายสถานีกลางบางซื่อ



ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รฟท. แจงเรื่องเปลี่ยนป้ายสถานี ทำไมใช้งบ 33 ล้าน ชี้ไม่ใช่แค่ 56 อักษร แต่เป็น 112 ตัว โพสต์เมื่อ 6 มกราคม 2566 เวลา 19:44:03 5,928 อ่าน
TOP
x close