แม่ร้องเรียนส่งลูกชาย 1 ขวบเข้าเนิร์สเซอรีวันแรก ตอนบ่ายกลับแจ้งเด็กไม่หายใจ อ้างน้องเอาผ้าปิดจมูกเอง ซ้ำบอกกล้องวงจรปิดเสีย คาใจละเลยจนเกิดเหตุสลด
วันที่ 20 มกราคม 2566 เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานเรื่องราวทุกข์ใจของ น.ส.พัชรา กรณีที่ น้องกุน ลูกชายวัย 1 ขวบ 11 เดือน ซึ่งจ้างฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรีแห่งหนึ่งย่านหนองจอก กทม. ใกล้กับบ้านพัก ต่อมาครูพี่เลี้ยงโทร. มาแจ้งว่าน้องไม่หายใจแล้ว อ้างว่าเด็กเอาผ้าปิดจมูก ก่อนที่จะรีบนำนำส่งโรงพยาบาล หมอบอกตอนนี้โอกาสรอดแทบจะไม่มี โดยเมื่อขอดูกล้องวงจรปิดเนิร์สเซอรีกลับแจ้งว่าใช้ไม่ได้
แม่ของน้องกุน เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ได้พาลูกไปลองทดสอบให้อยู่ที่เนิร์สเซอรีดังกล่าวราว 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าลูกจะอยู่ได้หรือไม่ ซึ่งตอนนั้นทางเนิร์สเซอรีบอกว่ามีกล้องวงจรปิด คุณแม่สามารถเปิดดูได้แต่จะไม่ให้ดูตลอด ตนก็มั่นใจว่ามีกล้อง กระทั่งมกราคม 2566 ตนกับสามีก็จะสลับกันเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ถ้าตนไปทำงานสามีจะเป็นคนดูแล
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
แต่เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 ตนกับสามีต้องไปทำงานทั้งคู่ จึงนำลูกไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรีเป็นวันแรก โดยเวลา 10.42 น. ครูได้ส่งคลิปของน้องขณะดื่มนมมาให้คุณแม่ดู จากนั้นเวลา 12.42 น. ตนทักแชตไลน์ไปถามว่าน้องกินข้าวไหม นอนหลับหรือเปล่า แต่เนิร์สเซอรีไม่อ่านไลน์และไม่ตอบกลับ กระทั่ง 14.23 น. ทางเนิร์สเซอรีโทร. มาแจ้งว่าน้องไม่หายใจแล้ว เขาบอกว่าน้องนอนเอาผ้าปิดจมูกตัวเอง ทั้งที่ผ้าผืนดังกล่าวไม่หนา และเป็นผ้าผืนที่น้องติดมาตั้งแต่เกิด
ทราบว่าตอนที่เนิร์สเซอรี นำตัวลูกส่งโรงพยาบาล น้องตัวเขียวหมดแล้ว ทางโรงพยาบาลปั๊มหัวใจขึ้นมาและไม่สามารถรักษาต่อได้เพราะไม่มีเครื่องช่วยหายใจเด็ก จึงส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลแห่งที่สอง บอกว่าน้องขาดหายใจมานาน ตอนนี้โคม่า โอกาสรอดไม่มี ตนจึงขอให้ช่วยประคองอาการไปก่อนเพราะยังทำใจไม่ได้ ซึ่งหมอบอกกับแม่ตรง ๆ ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เด็ก 1 ขวบ 11 เดือน จะนอนแล้วเอาผ้าปิดจมูก หมอเรียกไปคุยและบอกว่า อยากให้เคสของตนเป็นอุทาหรณ์ส่งต่อไปถึงพ่อแม่เด็ก ๆ คนอื่นด้วย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากการสอบติดต่อไปที่เนิร์สเซอรีดังกล่าว บอกแค่ยังไม่สะดวกให้ข้อมูลก่อนจะตัดสายทิ้ง นอกจากนี้มีคลิปเสียงที่คุณแม่โทร. หาเนิร์สเซอรีเพื่อสอบถามขอดูกล้องวงจรปิด น้องเป็นอย่างนี้จะต้องดูกล้อง ซึ่งทางเนิร์สเซอรีบอกว่าดูไม่ได้ แต่ก็เข้าใจที่คุณแม่รู้สึกไม่โอเค
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้