ชีวิตยิ่งกว่าละคร พ่อแม่ถูกลูกชายกับสะใภ้วางยาสลบหมูจนอ่อนแอ จับขังในห้องแคบ ๆ นานกว่า 2 ปี ก่อนทำเรื่องเป็นผู้จัดการมรดก โอนเงินเข้ากระเป๋ากว่า 65 ล้าน พอพ่อหนีออกมาได้ ก็พบว่า แม่ผูกคอตายไปแล้ว
ภาพจาก ช่อง 3
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ช่อง 3 รายงานว่า เฮียหมู (นามสมมติ) วัย 67 ปี เดินทางเข้าร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พร้อมกับโชว์บาดแผลตามแขนและขา ที่เจ้าตัวระบุว่า เกิดจากลูกชาย ลูกสะใภ้ พ่อและแม่ฝั่งสะใภ้ทุบตีทำร้าย ไม่มีการรักษา ปล่อยให้แผลแห้งและหายเอง
ตนยอมรับว่า ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดจากฝีมือลูกชายแท้ ๆ เพราะปกติตนเห็นแต่ในทีวี ไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัว โดยจุดเริ่มต้นเรื่องนี้เกิดในปี 2563 ตอนนั้นตนกับภรรยาอาศัยอยู่ที่บ้านในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จากนั้นก็ล้มป่วยลง เพราะลูกชายและลูกสะใภ้ใส่ยาในอาหารและน้ำให้กิน พอล้มป่วย ตนและภรรยาก็ถูกกักขังในห้องที่มีการเปลี่ยนลูกบิด ไม่สามารถเปิดจากด้านในได้
ส่วนหลานที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ พยายามหาทางเข้ามาหา ก็ถูกกีดกันตลอด กระทั่งวันหนึ่งลูกชายกับสะใภ้ไม่อยู่บ้าน หลานตนแอบมาช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ทันถึงวัน ไม่ทันได้พบหมอ กลางดึกวันนั้นลูกชายอ้างสิทธิ์การนำตัวตนและภรรยาออกจากโรงพยาบาล พาไปกักขังบ้านพ่อแม่ของสะใภ้ใน อ.เมือง ขังไว้ 2 ปี กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2565 ถึงหนีออกมาได้
หนีมาแล้ว โดนจับขังใหม่ด้วยความระทม อาบน้ำ 3 เดือนครั้ง
ในตอนแรกที่ขังนั้น อยู่ในห้องขนาด 4x8 มีการปิดประตู หน้าต่าง ใช้สังกะสีตอกปิดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน มีทีวีให้ดูช่วงแรกก่อนที่จะยกออกไป แล้วก็มีช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสำหรับส่งถาดข้าว น้ำ ส่วนใหญ่เป็นมาม่ากับปลากระป๋อง ส่วนน้ำดื่มเป็นน้ำที่กรอกจากน้ำประปา ได้อาบน้ำ 3 เดือนครั้ง ประมาณ 15 นาที ที่สำคัญคือ การขับถ่าย ต้องใช้เก้าอี้ 4 ขา เอาถุงดำใส่เข้าไปแล้วนั่งขับถ่าย พอทำธุระเสร็จก็มัดปากถุงกองเอาไว้ในห้อง จะมีแม่บ้านสวมชุดพีพีอีมาเก็บเดือนละครั้ง
ระหว่างที่ถูกกักขัง ตนถูกกรอกยาสลบหมู ใช้สลิงฉีดใส่ปาก พอขัดขืนก็เปลี่ยนวิธีเอามาผสมข้าวให้กิน
หนีออกมาได้ รู้ทีหลังคู่ชีวิตผูกคอตาย ?
วันนี้ที่ตนหนีออกมาได้แล้ว ตนจึงมาแจ้งความ ส่วนภรรยาตนผูกคอตายตั้งแต่อยู่ในห้อง มารู้ตัวตอนที่เป็นอิสระ เรื่องนี้ตนไม่เชื่อ ติดใจสาเหตุการตายและอาจเป็นฆาตกรรมอำพราง เพราะตนกับภรรยาสัญญากันว่าจะไม่มีใครฆ่าตัวตายจากความทุกข์ครั้งนี้ และในวันที่ 3 ของการแยกห้องขังตนกับภรรยา ตนก็ได้ยินเสียงภรรยาขอให้ช่วยประมาณ 2-3 ครั้งแล้วก็เงียบไป ไม่ได้ยินเสียงเธออีกเลย
ในช่วงที่ตนกับภรรยาถูกกักขัง ลูกชายไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยศาลพิเคราะห์ว่า ตนกับภรรยาเป็นเสมือนบุคคลไร้ความสามารถ เมื่อได้อำนาจมา ลูกชายก็ถ่ายโอนทรัพย์สิน นำโทรศัพท์ตนไปโอนเงินผ่านแอปฯ ครั้งละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 65 ล้านบาท
เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว 2 มีการลงรูปพร้อมระบุว่า คนคนนี้คือสะใภ้ผู้ก่อเหตุ ทำให้ชาวเน็ตต่างเศร้าสลด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า ใช่สะใภ้คนดังกล่าวจริงหรือไม่
