นิ่ม ขอโอกาสมีที่ยืนในสังคม อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เข็ดแล้วกับการโกหก ซัดสื่อเจ้าหนึ่งถามไร้สมอง บอก มีอะไรกับพ่อตัวเองหรือเปล่า
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
คดีการเสียชีวิตของน้องต่อ วัย 8 เดือน ถึงแม้จะรู้ว่านางสาวนิ่ม แม่วัย 17 จะเป็นคนเอาร่างน้องต่อทิ้งไว้ริมน้ำ ทำให้กระแสสังคมวิจารณ์อย่างหนักหน่วง และบัดนี้ก็ยังหาร่างน้องต่อไม่พบ ไม่รู้จะพบในวันไหน
ล่าสุด วันที่ 1 มีนาคม 2566 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า นางสาวนิ่ม เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายว่า ขอโทษทุกคนที่ทำให้วุ่นวาย หลังจากนี้ขออย่ามาวุ่นวายกับครอบครัวตนอีก รวมถึงคนอื่น ๆ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เรื่องคดีให้ไปถามตำรวจ
ส่วนการโยนลูกลงน้ำ ลักษณะเป็นการนั่งลงแล้วโยน จนมีเสียงดังกระทบกับผิวน้ำ เห็นร่างจมน้ำกับตา โดยลูกตนเสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งวันเกิดเหตุลูกชายสวมเสื้อลายขวางสีขาว-ดำ และแพมเพิร์สไซซ์เอ็ม ส่วนสาเหตุที่นำร่างโยนลงไปโดยไม่บอกใคร เพราะกลัวจะถูกต่อว่า ไม่ใช่กลัวถูกทำร้าย ครั้งนี้พูดจริง ไม่ได้โกหก เพราะตนได้รับบทเรียนจากการโกหกมาเยอะแล้ว
สำหรับสาเหตุที่ตนไม่สารภาพกับตำรวจ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่เป็นผู้ชาย ใช้คำถามแบบผู้ใหญ่ ตนจึงไม่กล้าบอก และโกหกเรื่อยมา ถ้าหากพบศพถึงจะยอมรับ สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว จึงบอกกับหมอหนึ่งทำพิธี พาไปจุดที่ทิ้งลูก ก่อนจะสารภาพความจริงออกมา ตนอยากจะขอโทษลูกที่ทำอะไรโดยไม่คิดให้ดี หลังจากนี้จะเจอร่างหรือไม่ตนไม่คาดหวัง ขอแค่ให้เจอ ขอให้ได้อะไรเกี่ยวกับลูกจะนำไปทำบุญให้ลูก
เรื่องที่ตนเล่าวันนี้ไม่ได้โกหก เพราะตนได้รับบทเรียนแล้ว อยากขอโอกาสสังคมในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากกลับไปเรียนหนังสือ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าตั้งเป้าหมายอยากเรียนหมอหรือตำรวจ ขอแค่หาเงินมาเลี้ยงตัวเองในแต่ละวันก็พอแล้ว ตนรักลูกในแบบของตน แต่อธิบายไม่ถูก
ตนอยากขอสื่อบางสำนักกับการตั้งคำถามบางประเด็น ทำให้ครอบครัวรู้สึกไม่ดี เช่น ตนกับพ่อเคยมีอะไรกันหรือไม่ เพราะขนาดเพื่อนพ่อยังทำได้ คำถามนี้ทำร้ายจิตใจและซ้ำเติมตนมาก ไม่ควรถาม ตนโกรธ แล้วถามกลับไปว่า เอาสมองส่วนไหนคิด พ่อไม่เคยรู้ว่าตนเป็นยังไง มารู้ความสัมพันธ์กับเพื่อนพ่อตอนที่เป็นข่าว อยากให้สื่อหยุดได้แล้ว ตนไม่อยากฟ้องเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว ขอแค่ออกมาแก้ข่าวให้ตนก็พอ