คดีชวนอึ้ง ชายถูกรถชนตายไป 11 ปี กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ครอบครัวดีใจแต่ช็อก สงสัยแล้วตอนนั้นเผาศพใครไป
วันที่ 8 มีนาคม 2566 เว็บไซต์มิเรอร์มีเดีย เผยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อไม่นานมานี้ ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นกำลังลาดตระเวน พบตัวชายจรจัดรายหนึ่ง กำลังเผชิญชะตากรรมน่าเวทนา นอนตัวสั่นหนาวเหน็บ มีเพียงถุงพลาสติกคลุมตัว จึงได้เข้าไปช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล ภายหลังจากตรวจสอบข้อมูลเจ้าหน้าที่พบว่า ชายรายนี้นามสกุลโจว แต่ปรากฏว่าการเปิดเผยตัวตนของเขาสร้างความปั่นป่วนไม่น้อย
รายงานเผยว่า นายโจวรายนี้ หรือชื่อเต็มว่า โจว กังหลง ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการว่า "เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์" ตั้งแต่ในปี 2555 ภายหลังจากป่วยด้วยอาการทางจิต และถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในฉงชิ่ง ก่อนที่เขาจะหนีออกไปทางประตูหลังโดยไม่มีคนเห็น ทางครอบครัวได้ออกตามหาอยู่ประมาณ 20 วัน จนกระทั่งพบศพของ "เขา" เสียชีวิตในพงหญ้าใกล้กับโรงพยาบาล
ทางครอบเขาเชื่อว่าศพดังกล่าวเป็นของนายโจว เนื่องจากรูปร่างและหน้าตาดูคล้ายคลึงกับเขา อีกทั้งตำแหน่งยังอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่เขาหายตัวไป สุดท้ายทางครอบครัวจึงจำใจยอมรับว่านั่นคือความจริง จึงยุติการค้นหาและยอมรับศพดังกล่าว นำกลับไปดำเนินการทำพิธีและเผาศพ
ทว่าหลังจากผ่านไป 11 ปี อยู่ ๆ ครอบครัวก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่าพบตัวนายโจว จึงรับเดินทางไปโรงพยาบาล ก่อนที่จะพบว่านายโจวกลายเป็น ชายชราในวัย 70 ปี รูปร่างผอมบาง และไม่สามารถพูดสื่อสารได้ อย่างไรก็ตาม น้องชายคนที่สองของเขาสามารถจำนายโจวได้ในทันที และแม้ว่าเขาจะพูดไม่ได้ แต่เขารู้วิธีการเขียนและอ่าน และสามารถเขียนชื่อสมาชิกในครอบครัวได้
จากการยืนยันดังกล่าว ทำให้ครอบครัวเชื่อว่าชายจรจัดที่ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมารายนี้ คือนายโจวตัวจริงที่สูญหายไปตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่าเขาได้ลาจากโลกไปแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ว่า "การฟื้นคืนชีพ" ของนายโจวจะเป็นข่าวดีสำหรับครอบครัว ที่ต่างทั้งประหลาดใจและดีใจ แค่ในขณะเดียวกันก็สร้างความตกใจและสงสัยให้กับทางครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เกิดคำถามใหญ่ขึ้นมาว่า แล้วในตอนนั้นพวกเขาเผาศพของใครไป รวมทั้งตลอด 11 ปีที่ผ่านมา นายโจวต้องผ่านอะไรมาบ้าง มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เขาถึงกลายมาเป็นเช่นนี้..
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Mirror Media
