วัตถุกัมมันตภาพรังสี ซีเซียม 137 หายจากโรงงานไฟฟ้าปริศนา เตือน ! ห้ามผ่าท่อ หากสัมผัสรังสี 3 วันเนื้อจะเน่า ใครเอาไปให้นำมาคืน
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
วันที่ 14 มีนาคม 2566 ไทยพีบีเอส รายงานว่า นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมด้วย นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) จะเดินทางมาติดตามกรณีมีรายงานพบว่า สารซีเซียม 137 (Cesium-137) หายจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ ซึ่งจะแถลงข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ในเวลา 15.00 น.
สำหรับเครื่องดังกล่าว ทางโรงไฟฟ้าติดตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 รวมทั้งหมด 10 เครื่อง แต่เพิ่งทราบว่าหายไปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยอุปกรณ์ที่หายเป็นท่อกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว
ทั้งนี้ มีข้อกังวลว่าหากเอาไปขายหรือขโมยแล้วเอาไปกำจัดไม่ถูกวิธี จะมีผลกระทบด้านสุขภาพของคนที่เอาไป หรือคนที่เก็บไป โดยสารนี้ทางการแพทย์ยืนยันว่าอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งตอนนี้เลขาฯ ปส. ได้ลงพื้นที่พร้อมคณะใหญ่ เพื่อติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และจะแถลงร่วมกับผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
ส่วนกรณีที่ว่า สารนี้หายได้อย่างไร ตรวจสอบทราบว่า อุปกรณ์เป็นเครื่องเก่า ซึ่งเป็นท่อที่หลุดและหล่นลงมาจากการติดตั้ง เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนที่พบเห็นอาจไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเก็บไปโดยยังไม่รู้จุดประสงค์
เตือนอย่าผ่าท่อ รังสีมีอันตราย หลังสัมผัสไป 3 วัน เนื้อจะเน่า
นายสุเมธา วิเชียรเพ็ชร ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอุบัติภัยภัยสารเคมี เปิดเผยว่า รังสีที่ปล่อยออกมาจากสารซีเซียม-137 จะมองไม่เห็น การตรวจวัดระดับความเข้มข้นรังสีในธรรมชาติไม่เกิน 7 Rem แต่ในธรรมชาติไม่ควรเกิน 1 มิลลิเร็มต่อชั่วโมง ในสภาวะเกิดเหตุ
เมื่อถามว่าหากมีการนำไปผ่าแบบแท่งโคบอลต์-60 จะอันตรายหรือไม่ นายสุเมธา ระบุว่า เนื่องจากสารชนิดนี้ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ทำให้คนสัมผัสสารจะไม่มีอาการ แต่ภายใน 3 วัน ถ้าเจอแบบรุนแรง จุดที่สัมผัสจะเริ่มเปื่อยเน่า ภูมิต้านทานจะลดลงและหายไป เพราะรังสีไปทำลายแอนติบอดี้ในร่างกาย และผมจะเริ่มร่วง
ตอนนี้ขอเตือนคนที่นำออกไป ห้ามเข้าใกล้ เพราะยิ่งใกล้รังสีมาก ๆ จะยิ่งอันตราย ขอให้เว้นระยะห่าง ใครนำออกไปควรนำมาคืน