หน่วยงานยืนยัน ซีเซียม-137 ไม่กระจายไปนอกโรงงาน ชี้โรงหลอมเป็นระบบปิด แจงถูกหลอมเป็นฝุ่นแดง โดยรอบยังไม่พบการปนเปื้อน
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีแท่งเหล็กที่บรรจุกัมมันตรังสี ซึ่งหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวโดยสรุปว่า ซีเซียม-137 ที่หายไปจากโรงไฟฟ้าอาจถูกส่งไปที่โรงงานหลอมเหล็กที่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และถูกหลอมไปแล้ว ทำให้เกิดข้อกังวลในวงกว้างถึงการแพร่กระจายของกัมมันตรังสีในสภาพแวดล้อมนั้น
เจ้าหน้าที่ ยืนยัน โรงหลอมเป็นระบบปิด ฝุ่นที่ถูกหลอมจะอยู่ในบิ๊กแบ็ก - นำพนักงานมาตรวจหากัมมันตรังสีแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 21 มีนาคม 2566 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวยอมรับว่ากรณีเรื่องซีเซียม-137 นั้น ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตรวจบริเวณโรงงานหลอมเหล็กในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบใช้อุปกรณ์และเครื่องมือเข้าไปตรวจสอบบริเวณในโรงงานก็พบว่าเครื่องแสดงถึงสารกัมมันตรังสีสูง
ยอมรับว่า ซีเซียม-137 นั้นได้ถูกหลอมลงที่โรงงานแห่งนี้ แต่ยืนยันว่าโรงงานแห่งนี้เป็นโรงหลอมระบบปิด ไม่ได้มีการฟุ้งกระจายออกไปภายนอก ซึ่งตนเองและทีมงานเข้าไปตรวจสอบ ขั้นตอนการเผาของโรงงานนี้ พบว่าบริเวณท่อของโรงงาน ซึ่งท่อเตาเผา เป็นระบบปิดไม่มีการฟุ้งกระจายออกมาภายนอก แท่งซีเซียม-137 ที่ถูกหลอมละลายก็กลายเป็นฝุ่นสีแดงอยู่ในท่อนี้
เมื่อความร้อนเริ่มขยายตัวที่ปล่องของโรงงานที่ผลิตไว้ ไม่ได้ออกไปสู่ภายนอกตัวโรงงานหรือระบบเตาหลอมจะตกอยู่ในกล่องนี้ จากนั้นก็เก็บใส่อยู่บิ๊กแบ็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่ใส่ชุดป้องกันเข้าไปตรวจสอบและเก็บข้างล่างตั้งแต่กล่องจนถึงท่อข้างล่าง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ในส่วนของโรงหลอมเหล็กที่พบฝุ่นเหล็กปนเปื้อนซีเซียม-137 ทางจังหวัดและตำรวจได้ปิดล้อมเพื่อความปลอดภัยแล้ว พร้อมนำพนักงานโรงงาน มาตรวจว่าได้รับสารกัมมันตรังสีหรือไม่ และกำลังสอบสวนที่มาของฝุ่นเหล็กปนเปื้อนเหล่านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
พาทดสอบ ซีเซียม-137 กระจายจริงหรือไม่ เอาเครื่องวัดกัมมันตรังสีมาวัดให้ดู
กรณีมีภาพถ่ายแชร์ออกไปลักษณะของถุงบิ๊กแบ็กที่มีฝุ่นของสารซีเซียม-137 บรรจุอยู่ภายในกว่า 20 ถุงภายในโรงงานหลอมแห่งหนึ่ง ทำให้สังคมเกิดความสับสนว่าเป็นการรักษาเป็นการเก็บรักษาที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้ได้ทำการซีลปิดระบบ ห้องที่เก็บบิ๊กแบ็กฝุ่นซีเซียม-137 เรียบร้อยแล้วโดยมีการซีลไว้แต่ละจุดอย่างแน่นหนา เมื่อซีลเสร็จก็นำเครื่องตรวจวัดสารกัมมันตรังสี โดยมีการทดลองตั้งแต่ระยะ 50 เมตร จากกระสอบบิ๊กแบ็กฝุ่นซีเซียม จะเห็นว่าเป็นสีเขียวเมื่อขยับเข้าไปใกล้ก็จะเป็นสีเหลืองและเมื่อถึงกระสอบบิ๊กแบ็กระยะประชิดกระสอบใกล้ที่สุดก็จะเห็นว่าเป็นสีแดง นั่นคือจุดอันตราย แสดงให้เห็นว่าข้างนอกไม่มีสารอันตรายฟุ้งออกมา โดยถูกควบคุมและระงับสถานการณ์ได้แล้ว ไม่มีผลกระทบกับประชาชนด้านนอก ทั้งนี้ ภาพที่เห็นอยู่ภายในโรงงานหลอมเหล็กซึ่งมีการปิดกั้นพื้นที่แล้ว ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ
ขณะเดียวกันในโรงงานพื้นที่โดยรอบก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเช่นกันเพราะขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้ตามปกติแล้ว ส่วนการเคลื่อนย้ายไปทำลายนั้น ต้องรอประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการทดสอบนำเครื่องวัดกัมมันตรังสีมาทดสอบที่บริเวณหน้าโรงล้อมให้สื่อมวลชนได้รับชมพบว่าปริมาณของกัมมันตรังสีนั้นไม่พบบริเวณด้านหน้าโรงงานนั่นแสดงว่าเป็นจุดที่ปลอดภัยจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้แล้วส่วนขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการอย่างไรและใครเป็นบุคคลที่นำวัตถุซีเซียมหนีออกมาจากโรงงานก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ชี้ ฝุ่นเหล็กที่ขนไประยอง เป็นคนละล็อตกับซีเซียม-137 ไม่กระทบระยอง
สำหรับ วัตถุซีเซียม-137 ที่ มาพบที่โรงหลอมก็พบว่าไม่ใช่เป็นต้นทางที่รับซื้อโดยตรงแต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ได้สำรวจพื้นที่ร้านรับซื้อของเก่าบริเวณอำเภอกบินทร์บุรีและนิคมอุตสาหกรรม 304 มาแล้วหลายร้าน แต่ก็ไม่พบสารตัวนี้ปรากฏขึ้นในระบบ จนกระทั่งมาพบที่โรงหลอม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพาสื่อไปตรวจสอบบริเวณรถตู้ที่ตรวจจับกัมมันตรังสี เพื่อที่จะขับรถใช้ความเร็วระยะ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คอยสำรวจพื้นที่ทั้งหมดตั้งแต่เกิดเหตุในรัศมี 5 กิโลเมตรก็พบว่าสัญญาณเตือนที่โรงหลอมแห่งนี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ลงภาพขณะเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพตรงเตาหลอม ซึ่งถูกระบุว่าเป็นระบบปิด ปล่องที่มีควันไม่มีผล เพราะกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 เมื่อโดนความร้อนจะดีดตัวตกลงสู่พื้น บริเวณรอบเตาหลอมเท่านั้น