x close

พลิกดินสู่ดาว


บทประพันธ์ :
ช่างปั้นเรื่อง
บทโทรทัศน์ : ช่างปั้นเรื่อง
กำกับการแสดง : สิทธิวัตร์ ทับแป้น


เรื่องย่อละครพลิกดินสู่ดาว


          จากความสำเร็จของโครงการค้นฟ้าคว้าดาว รุ่นที่ 1 ซึ่งส่งให้ผู้เข้าประกวดเป็นที่รู้จักและทำฝันให้เป็นจริง นั่นคือ เซ็นสัญญาเป็นนักร้องกับค่ายเทปยักษ์ใหญ่ วันนี้โครงการค้นฟ้าคว้าดาวโครงการ 2 ได้เปิดการแข่งขันขึ้น เพื่อสร้างฝันให้กับผู้รักในเสียงเพลงได้ก้าวสู่ดวงดาวอีกครั้ง


          เตวิชญ์ (เต) เบียดเสียดผู้คนที่มาร่วมคัดเลือก และให้กำลังใจกับผู้สมัครเข้าสู่โครงการค้นฟ้าคว้าดาว รุ่นที่ 2 เขาต้องหาที่ยืนในมุมที่ดีที่สุดเพื่อให้กำลังใจ ติรกานต์ (กานต์) น้องสาวคนเดียวของเขาที่กำลังร้องเพลงอย่างสุดฝีมือ เพื่อเป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกให้เข้าโครงการฯ


          แต่แล้วสิ่งที่ทั้งสองกังวลที่สุดก็เกิดขึ้น กานต์ร้องเพลงพร้อมๆ กับเดินเข้ามาใกล้ขอบเวที เตวิชญ์พยายามส่งเสียเตือน แต่กานต์ไม่ได้ยิน เธอก้าวพลาดตกจากเวทีสูงลงมายังเบื้องล่าง


          ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้ชมและคณะกรรมการ เตวิชญ์รีบเข้าไปจะประคองร่างน้องสาวของเขา รฎา สั่งห้ามขยับเขยื้อนตัวติรกานต์เพราะกระดูกอาจเคลื่อนและเป็นอันตราย รฎารีบโทรเรียกรถพยาบาล ทีมงานการประกวดกลับต่อว่ากานต์ที่เดินไม่ดู จนตกเวทีลงมาทำให้ลำโพงที่อยู่ด้านข้างเวทีเสียหาย เตวิชญ์โกรธมาก ต่อว่าพวกทีมงานไม่มีน้ำใจ กานต์พยายามห้ามพี่ชาย แต่เธอมองไม่เห็น จึงพยายามคลำทางเพื่อเข้าไปแยกเตวิชญ์ออกจากทีมงาน ตอนนี้เองที่ทำให้กรรมการและทีมงานรู้ความจริงว่า ติรกานต์ ตาบอด และเธอต้องถูกตัดสิทธิ์ ออกจากการคัดเลือกทันที


          ติรกานต์ เสียใจมาก เตวิชญ์สงสารน้องเพราะว่ารู้ว่า กานต์ ตั้งใจกับการแข่งขันนี้มากเพียงใด เธอฝึกซ้อมร้องเพลงและเต้นบนเวทีทุกวัน ต่างจากเขาที่สมัครโครงการนี้เพื่อจะได้ดูแลน้องสาวอย่างใกล้ชิด ขณะที่เตวิชญ์จะพาติรกานต์ขึ้นรถพยาบาล ติรกานต์ห้ามเขาไว้และขอร้องให้เขาเข้าร่วมการคัดเลือกต่อไป เพื่อสานต่อความฝันที่เธอไม่มีโอกาสทำให้เป็นจริงได้ เตวิชญ์เสียใจและห่วงน้อง แต่ไม่อาจขัดคำขอร้องของน้องสาวได้


          รฎาเห็นเตวิชญ์จะขึ้นร้องเพลงทั้งที่น้องสาวบาดเจ็บ เธอต่อว่าเตวิชญ์อย่างสาดเสียเทเสียเพราะไม่เข้าใจ เตวิชญ์รำคาญและเสียใจเรื่องน้องสาว จึงต่อปากต่อคำกับรฎาอย่างรุนแรงจนรฎาอึ้ง สะบัดเดินหนีไป


          เตวิชญ์ขึ้นร้องเพลงเป็นคนต่อไป เขาร้องเพลงด้วยน้ำเสียงเศร้าสุดใจ น้ำตานองหน้าเพราะทั้งเป็นห่วงและสงสารติรกานต์น้องสาวของเขาเป็นอย่างยิ่ง พอสิ้นเสียงเพลง ผู้ชมและกรรมการต่างปรบมือดังกึกก้อง แม้เสียงเตวิชญ์จะไม่โดดเด่นเหมือนติรกานต์ แต่ทุกคนคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกในใจของเขา


          หลังวันคัดเลือกได้ไม่นาน เตวิชญ์ได้รับแจ้งว่าผ่านการคัดเลือก ได้เข้าร่วมโครงการติรกานต์ดีใจมาก นับว่าเป็นข่าวดีของเธอ แต่ข่าวร้ายของเขา เพราะนั่นหมายถึงติรกานต์ต้องอยู่คนเดียว มีเพียง ปยุทธ เพื่อนบ้านซึ่งแอบชอบติรกานต์มาตั้งแต่เด็ก อาสาดูแลให้จึงทำให้เตวิชญ์วางใจเพราะรู้จักกันมานาน


          ในโครงการค้นฟ้าคว้าดาว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดสิบคนต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหลายเดือนในบ้านพัก ร่วมฝึกฝนทักษะและการแสดงในด้านต่างๆ ได้แก่ การฝึกเสียง การร้องเพลง ฝึกแสดงอารมณ์เพลง ฝึกท่าทางประกอบและการแสดง


          ผู้ชมจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าใครจะอยู่หรือไป จากการโหวตผ่านระบบโทรศัพท์ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องแสดงคอนเสิร์ตทุกอาทิตย์ เพื่อแสดงพัฒนาการของแต่ละคนและจะมีการคัดออกจากผลโหวตของคนดูทางบ้าน


          นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษที่ทางทีมงานกำหนดขึ้น เพื่อทดสอบการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของผู้เข้าแข่งขันในด้านต่างๆ ซึ่งจะมีผลโดยตรงกับคะแนนโหวตของผู้ชมทางบ้าน โดยกิจกรรมเหล่านี้ถูกออกแบบและวางแผนโดย เอกวุธ (เอก) นักเขียนบทชื่อดัง และเมธา (เมธ) โปรดิวเซอร์ของรายการ


          ในวันแรกของการเข้ามาอยู่ในบ้านคว้าดาวฯ เตวิชญ์พบกับรฎา เขาจำได้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงคนที่เคยปะทะคารมกันในวันคัดเลือก รฎาไม่พอใจเตวิชญ์ตั้งแต่แรกพบ คิดว่าเตวิชญ์เป็นคนใจดำเลือดเย็นทิ้งน้องสาวที่กำลังบาดเจ็บเพียงเพื่อการแข่งขัน ดูเหมือนสมรภูมิย่อยๆ ระหว่างคนคู่นี้กำลังก่อตัวขึ้นทีละน้อยๆ


          รฎาปิดบังพ่อแม่เรื่องการเข้าประกวดฯ เพราะไม่อยากให้วุ่นวาย ครอบครัวของเธอมีฐานะและมีหน้ามีตาในสังคม ตั้งแต่เด็กไม่ว่ารฎาจะทำอะไร จะเรื่องเรียนหรือกิจกรรมพิเศษเธอมักเป็นตัวเก็งและได้ตำแหน่งชนะเลิศอยู่เสมอ เพราะกรรมการทุกคนเกรงใจพ่อแม่ของเธอ


          การแข่งขันครั้งนี้ รฎาจึงปลอมตัวเปลี่ยนนามสกุลไม่ให้ใครจำได้ เพราะเธอต้องการพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ทุกคนรับรู้ว่าเธอมีความสามารถพอ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลมาเป็นฐานเลยแม้แต่น้อย


          นอกจากเตวิชญ์กับรฎาแล้ว ยังมีผู้เข้าแข่งขันอีก 8 คน ได้แก่


          ธันวา (ธันว์) ชายหนุ่มเจ้าสำอาง มนุษยสัมพันธ์ดีเป็นเลิศ


          นับดาว (ดาว) หญิงสาวบุคลิกเรียบง่าย ติดจะดูเฉิ่มเชยด้วยซ้ำ แม้ดูไม่โดดเด่นอะไร แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความฝัน ส่าหรี สาวสวย เซ็กซี่ ที่ผู้ชายหลายคนต้องมองตาม หากแต่เธอกลับมีบุคลิกพิเศษ สามารถซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลาหลังอาหาร


          ร้อยตะวัน (ตะวัน) หนุ่มร่างอ้วน ผู้มีอารมณ์ขันและยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่จะมีใครรู้บ้างว่าเบื้องหลังรอยยิ้มและอารมณ์ขันเหล่านั้น ชีวิตเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันและเศร้าเพียงใด


          ลายไท (ไท) หนุ่มบ้านนอกที่พยายามทำตัวเป็นคนเมือง แต่สำเนียงและลีลาบ่งบอกภูมิลำเนาอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นเรื่องโกลาหลทุกครั้งที่ชายหนุ่มคนนี้พยายามปกปิดตัวเอง


          ประกายมุก (มุก) สาวสวยขี้เหงา มาดขรึม ดูแบกโลกทั้งโลกไว้ เธอจึงมีชีวิตที่มีแต่โลกส่วนตัว เพื่อนน้อย ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามาในชีวิต


          จิรชยา (จีจี้) สาวมั่นใจในตัวเองแบบสุดขั้ว คิดว่าตัวเองเด่นดัง ดีเลิศทุกกระเบียดนิ้ว เป็นไฮโซที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อชัยชนะ


          อนุภัทร (พัตเตอร์) หนุ่มนักเรียนนอก ผู้รักการร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ผู้เข้าประกวดที่มีน้ำเสียงใส ตัวเก็งอันดับหนึ่งที่จะได้รับการตัดสินชนะเลิศในครั้งนี้


          ขณะที่ทุกคนกำลังร่วมกิจกรรมแรกของโครงการฯ นักแสดงที่เป็นวิทยากรคนหนึ่งเกิดโรคประจำตัวกำเริบเป็นลมบ้าหมู มีอาการชักล้มไปพิงจีจี้ จีจี้กรีดร้องลั่นด้วยความตกใจและรังเกียจคนเป็นโรคแปลกๆ เธอวิ่งหนีและแสดงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ธันวาซึ่งอ่อนแอทำท่าจะเป็นลม นับดาวต้องดูแลธันวา ส่าหรีรีบออกจากห้องเพื่อหาคนช่วย แต่ด้วยความซุ่มซ่ามของเธอกลับทำให้วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก


          เตวิชญ์ และรฎา นึกได้ว่าอาการลมบ้าหมู ผู้ป่วยอาจชักจนกัดลิ้นตัวเองขาด จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าม้วนเป็นก้อนใส่ปากให้กัดแทน ลายไทกับเตวิชญ์ช่วยกันประคองนักแสดงคนนั้นไปนอนพักบนโซฟา โดยอนุภัทรไม่พอใจนักแสดงคนนั้นเป็นอย่างมากที่ไม่ดูแลตัวเองทำให้เขาต้องเสียเวลาฝึกซ้อมเพลงไปหลายชั่วโมง


          เมื่อเหตุการณ์สงบลง ทีมงานจึงเฉลยว่านี่คือเหตุการณ์ที่สมมุติขึ้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนตกใจเพราะแต่ละคนเผลอแสดงธาตุแท้ออกไป โดยเฉพาะจีจี้ตอนแรกรังเกียจมาก รีบเข้าไปเอาอกเอาใจดูแลนักแสดงคนเดิมแต่ก็สายไปแล้ว


          เอกวุธ และเมธา กล่าวเตือนทุกคนให้พึงระลึกไว้ว่า การแข่งขันได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ทุกคนก้าวเข้ามาอยู่ที่นี่ ในบ้านมีกล้องซ่อนอยู่ในทุกๆ ห้องโดยไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่จะไหนบ้าง พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของผู้แข่งขันแต่ละคน จะเป็นตัวตัดสินว่าใครจะอยู่หรือไป


          ในชีวิตประจำวันของผู้เข้าแข่งขันจะมีโอกาสเรียนรู้ทักษะการแสดงและการให้กำลังใจในการฝึกฝนอยู่เสมอจาก เอลิกา (เอ) นักร้องหญิงชื่อดังดาวค้างฟ้าของวงการ นาขวัญ (ขวัญ) ผู้ฝึกสอนการแสดงออกบนเวทีและการเต้น โดยมี ภัทร์ธารา (ธารา) ติดตามดูโทรทัศน์วงจรปิดอย่างใกล้ชิด ภัทร์ธาราเป็นภรรยาของเอกวุธ เธอคือสาวมั่นหญิงเหล็ก เจ้าของค่ายเทปชื่อดังซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของโครงการ


          ทุกๆ วันเอกวุธ และเมธาจะคิดรูปแบบกิจกรรมในบ้านที่หลากหลาย เช่น แกล้งปล่อยข่าวลือว่ามีกล้องซ่อนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องกิจกรรม ทำให้ผู้เข้าแข่งขันหลายคนโดยเฉพาะจีจี้และอนุภัทร พยายามทำตัวเด่นที่หน้ากระจก โดยหวังโกยคะแนนนิยมที่หน้ากระจกอยู่เสมอ มีเพียงเตวิชญ์ที่มาร้องเพลงเพื่อบอกให้กานต์น้องสาวรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเพียงใด


          การแข่งขันเข้มข้นขึ้นตลอดเวลา และจากการที่ทุกคนต้องทำกิจกรรมร่วมกัน หลายคนเหนื่อย ท้อ คิดถึงบ้าน กลัวว่าตนเองอาจจะเป็นคนต่อไปที่จะถูกคัดออก มิตรภาพในหมู่เพื่อนก็เริ่มงอกงามขึ้นท่ามกลางความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน เพราะต่างก็เป็นคู่แข่งขัน


         ความสัมพันธ์ระหว่างเตวิชญ์และรฎาพัฒนาไปเงียบๆ จากวันแรกที่ไม่ลงรอยกัน ค่อยๆ เห็นความมีน้ำใจของแต่ละคน และค่อยๆ รู้สึกดีต่อกัน แต่ทั้งสองก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจน และต่างไม่รู้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย


          ธันวา หนุ่มสำอางแอบชอบรฎา วันหนึ่งขณะที่ธันวากำลังฝึกซ้อมจะสารภาพรักกับรฎา นับดาวมาเห็นเข้า ธันวาเลยขอให้นับดาวช่วยให้ตนได้ใกล้ชิดกับรฎาโทษฐานที่มารู้ความลับของตน นับดาวปฏิเสธไม่ได้จำต้องรับปากจะช่วยธันวา แม้ว่าความจริงแล้วเธอจะแอบชอบธันวามาตั้งแต่แรกเห็นก็ตาม


          นับดาวพยายามสร้างสถานการณ์ให้ธันวาได้ใกล้ชิดกับรฎาอยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่แผนการมักไม่ได้ผล กลับทำให้นับดาวใกล้ชิดกับธันวา ส่วนรฎาก็สนิทกับเตวิชญ์มากขึ้นทุกที สร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับชีวิตของทั้งสี่โดยไม่รู้ตัว


          ทุกสัปดาห์จะมีคนที่ถูกโหวตออกไป บ้านคว้าดาวฯ เริ่มเงียบเหงาลงไปทุกวัน แต่คนที่เหลืออยู่ ได้รู้จักกันมากขึ้น และเกิดความเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นด้วย แม้แต่ประกายมุกที่มีบุคลิกเย็นชา มีโลกส่วนตัวและแสดงความรักไม่เป็น เห็นจะมีแต่จีจี้และอนุภัทรเท่านั้นที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับใครเลย จริงจังกับการฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา มุ่งมั่นต้องการทำความฝันให้เป็นจริง โดยไม่สนใจจะผูกมิตร


          จีจี้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชนะการแข่งขัน เช่น ตัดส้นรองเท้าเพื่อนให้หน้าแตกในระหว่างแสดงคอนเสิร์ต ขโมยชุดที่ใส่ขึ้นเวที เธอมักจะทำผลงานได้ไม่ดีนักในกิจกรรมพิเศษ จึงเข้าไปทำตัวสนิทสนมพัวพันกับเอกวุธ ผู้ออกแบบและกำหนดกิจกรรมพิเศษของโครงการนี้ทั้งหมด


          ภัทร์ธารา เจ้าของค่ายเทป สปอนเซอร์หลักในครั้งนี้ แอบช่วยอนุภัทรเงียบๆ เพราะอนุภัทรเป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอกับนักธุรกิจชื่อดัง ซึ่งเธอไปมีความสัมพันธ์ชั่วคราวระหว่างทำงานที่สาขาต่างประเทศ


          เอกวุธกลั่นแกล้งเตวิชญ์ผ่านทางกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ เพราะไม่พอใจที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับรฎา ในกิจกรรมแกล้งทำให้ของมีค่าในบ้านหายไปเพื่อดูปฏิกิริยาและการแก้ปัญหาของแต่ละคน เอกวุธแอบทิ้งหลักฐานให้คนอื่นคิดว่าเตวิชญ์เป็นคนขโมย ตั้งใจให้เตวิชญ์คะแนนตกจะได้ออกจากการแข่งขัน แต่รฎาและเพื่อนๆ ช่วยสืบหาความจริงจนพบความจริงว่า เตวิชญไม่ได้ทำ เตวิชญ์กลับได้คะแนนสงสารจากผู้ชมทางบ้านทำให้คะแนนโหวตสูงมากขึ้นอีก


          การกระทำครั้งนี้ทำให้คะแนนของเตวิชญ์สูสีกับอนุภัทรขึ้นมาทันที ยังความไม่พอใจให้กับภัทร์ธาราเป็นอย่างยิ่ง เธอสั่งให้เอกวุธผู้เป็นสามีของเธอวางบทบาทให้อนุภัทรมีคะแนนสูงสุด ทิ้งห่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ โดยเอกวุธเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร


          ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องเผชิญกับความเหงา ท้อแท้ ปัญหาต่างๆ ทั้งการปรับตัวเข้ากับเพื่อน การพัฒนาความสามารถของตนเอง โชคดีที่มีเอลิกาคอยให้คำแนะนำ ปลอบประโลมให้กำลังใจทุกคน ในที่สุดก็เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงสี่คนคือ อนภัทร จีจี้ รฎา และเตวิชญ์


          กิจกรรมพิเศษก่อนการแข่งขันรอบสุดท้าย คือการเก็บตัวที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลโดยโครงการให้โอกาสเพื่อนๆ ที่ตกรอบไปได้กลับมาพบกันอีกครั้ง รฎากับเตวิชญ์ดีใจมากที่ได้พบกับ ธันวา ส่าหรี นับดาว ประกายมุก ร้อยตะวัน และลายไท อีกครั้ง


          ที่บ้านพักตากอากาศ เตวิชญ์ตัดสินใจบอกความรู้สึกของตนให้รฎารู้ แต่ยังไม่ทันได้บอก รฎาเจอเพื่อนไฮโซที่นั่นเสียก่อน ทำให้ความลับแตก ทุกคนรู้จักตัวตนที่แท้จริงของรฎา เตวิชญ์เสียใจมากที่รู้ว่าที่ผ่านมารฎาโกหกตนมาตลอด เตวิชญ์ยังรู้ความรู้สึกที่ธันวามีต่อรฎา เห็นว่าธันวาเหมาะสมกับรฎามากกว่า จึงคิดหลีกทางให้


          เตวิชญ์วางตัวเป็นเพื่อนรฎา พยายามปลีกตัวออกห่าง และยังช่วยให้ธันวามีโอกาสใกล้ชิดรฎา เช่น จับคู่ให้ธันวาได้ทำกิจกรรมคู่กับรฎา และเตวิชญ์ยอมไปคู่กับนับดาวแทน แต่แทนที่ธันวาจะดีใจที่ได้อยู่กับรฎา กลับหึงหวงคู่ของเตวิชญ์กับนับดาวโดยไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง รฎาเสียใจมากที่เตวิชญพยายามจับคู่ตนกับธันวา


          ธันวาไม่รู้ความรู้สึกของตนเองที่มีต่อนับดาว เขาสารภาพรักกับรฎาที่รีสอร์ทริมทะเลแห่งนั้น รฎาปฏิเสธธันวา และยังสร้างสถานการณ์ทำให้ธันวากับนับดาวได้เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงต่อกัน รู้ว่าทั้งสองรักกันมากแค่ไหน


          ใกล้งานคอนเสิร์ตสุดท้ายเพื่อคัดเลือกหาผู้ชนะใกล้เข้ามาแล้ว มีผู้เข้าแข่งขันเหลืออยู่ 4 คน คือ เตวิชญ์ รฎา จีจี้ และอนภัทร์ ขณะที่โครงการมีเพียงสองรางวัล นั่นคือ รางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศ บรรยากาศความเครียดแห่งการแข่งขันบังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น


          จีจี้ กับ เอกวุธ รู้โดยบังเอิญว่าภัทร์ธาราช่วยอนุภัทรเต็มที่ เพราะเขาคือลูกชายของภัทร์ธารา จีจี้ขอความร่วมมือจากเอกวุธให้กำจัดทุกคนออกไปจากเส้นทางผู้ชนะของเธอ ซึ่งเอกวุธให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเขาแค้นที่ภัทร์ธาราหลอกและกดขี่เขามาตลอดชีวิต เอกวุธไม่อยากอยู่ภายใต้ปีกของหญิงเหล็กอย่างเธอแล้ว ประกอบกับรฎาผู้หญิงที่เอกวุธแอบรักกลับมีทีท่าชอบพอกับเตวิชญ์อีกด้วย


          คืนก่อนวันคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย จิรชยาลอบวางยาพิษให้อนุภัทรกิน ส่งคนมาลอบทำร้ายเตวิชญ์ และหลอกรฎาให้ไปหาเอกวุธ รฎาเกือบโดนเอกวุธข่มเหง แต่เตวิชญ์ตามไปช่วยไว้ได้ ส่วนอนุภัทรโชคดีที่มีคนส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน


          ภัทรธ์ธารามาเฝ้าอนุภัทรที่โรงพยาบาล ทำให้อนุภัทรแปลกใจและรู้สึกดีกับภัทร์ธารามากขึ้น โดยไม่รู้ความจริงเลยว่าภัทร์ธาราเป็นแม่แท้ๆ ของตน ภัทร์ธาราเองก็ต้องกล้ำกลืนไม่กล้าบอกความจริงกับลูกชาย จีจี้เจ็บใจมากที่กำจัดคู่แข่งไม่ได้สักคน แต่ก็สะใจที่ทำให้เตวิชญ์บาดเจ็บที่ขาทำให้เต้นไม่ถนัด ส่วนอนุภัทรอ่อนเพลียจากการล้างท้องจึงอาจจะร้องเพลงได้ไม่เต็มที่


          แต่แล้วก่อนที่จีจี้จะได้ร้องเพลงในวันรุ่งขึ้น เธอกลับต้องโดนตำรวจจับฐานจ้างวานฆ่า ภัทร์ธาราสืบจนรู้ว่าใครคือคนร้ายที่ทำร้ายอนุภัทร จีจี้ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันทันที


          ในวันแข่งขันรอบสุดท้าย รฎารู้ว่าเตวิชญ์บาดเจ็บ ทำให้ร้องเพลงและเต้นไม่ได้เต็มที่ เธออยากช่วยให้เขาทำความฝันของน้องสาวให้เป็นจริง จึงแกล้งร้องเพลงเพี้ยนและผิดจังหวะ ทำให้ตัวเองเสียคะแนนไปเฉยๆ เตวิชญ์รู้ว่ารฎาตั้งใจทำ เขาเสียใจมากและไม่เข้าใจที่เธอเสียสละความฝันตัวเอง


          รฎาบอกเตวิชญ์ว่าถึงตอนนี้คำว่าแพ้ชนะไม่มีผลอะไรกับเธอแล้ว ถึงแม้ว่าความฝันจะไม่เป็นจริงเธอก็ไม่เสียใจ เพราะเธอได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต นั่นคือ มิตรภาพจากเพื่อนในบ้านคว้าดาวฯ และเธอจะดีใจมากถ้าคนที่เธอรักมีความสุข


          แต่แล้วผลการตัดสินจากการโหวตประกาศว่าอนุภัทรคือผู้ชนะหมายเลขหนึ่ง ส่วนเตวิชญ์ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ เพราะอนุภัทร์มีความสามารถในการร้องเพลงและการแสดงบนเวทีมากกว่าคนอื่นจริงๆ จนประชาชนที่โหวตเข้าไปรับรู้ได้


          เอกวุธ โกรธมาก ก้าวขึ้นเวทีคอนเสิร์ตพร้อมๆ กับเปิดโปงหลักฐานว่าอนุภัทรเป็นลูกชายของ ภัทร์ธารากับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเอง ทำให้ภัทร์ธาราเสียหน้า และ อนุภัทรเสียใจมากเพราะคิดว่าตนได้ตำแหน่งเพราะภัทร์ธารา ไม่ใช่เพราะความสามารถของตนที่อนุภัทรเคยภูมิใจนักหนาและดูถูกคนอื่นไว้มาก


          อนุภัทรคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เตวิชญ์ช่วยไว้ โดยให้อนุภัทรได้คุยกับผู้ชมทางบ้านที่รู้ข่าวและโทรเข้ามาให้กำลังใจอนุภัทร ทำให้อนุภัทรรู้ว่ายังมีคนที่รักตนรวมทั้งภัทร์ธารา แม่แท้ๆของตน ในที่สุดแล้ว เตวิชญ์ อนุภัทรและทุกคนต่างคิดได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการแข่งขัน ไม่ใช่ตำแหน่งผู้ชนะ แต่เป็นการที่ทุกคนพยายามลงมือทำความฝันของตนอย่างเต็มที่


          ประสบการณ์ที่มีค่ายากจะลืม... และที่สำคัญคือมิตรภาพนั่นเอง...


          อนุภัทร และเตวิชญ์ได้ออกเทป เตวิชญ์นำเงินรางวัลไปรักษาดวงตาของติรกานต์จนหายเป็นปกติ และในวันที่เตวิชญ์มีคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองครั้งแรก เขาไม่ลืมที่จะเชิญ ติรกานต์ และเพื่อนๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดการแข่งขัน มาเป็นแขกร้องเพลงในงานนี้ร่วมกัน แขกคนสำคัญที่สุดของเตวิชญ์คือ รฎา ครั้งนี้เขาตั้งใจบอกความจริงในใจให้เธอได้รับรู้ว่า เตวิชญ์มีความฝันอันยิ่งใหญ่...นั่นคือ การที่มีเธอ รฎา คนที่เขารักอยู่ข้างๆ ตลอดไป

 

นักแสดง

          1. ศุกลวัฒน์ คณาเรศ  แสดงเป็น เตวิชญ์ (เต) 
          2. เขมนิจ จามิกรณ์ แสดงเป็น รฎา 
          3. ธาวิน เยาวพลกุล แสดงเป็น ธันวา (ธันว์) 
          4. อุษามณี ไวทยานนท์ แสดงเป็น นับดาว 
          5. นวพล ภูวดล แสดงเป็น อนุภัทร (พัตเตอร์) 
          6. มณัญญา ตริญานนท์ แสดงเป็น ส่าหรี 
          7. ณัฐนันท์ จันทรเวช แสดงเป็น จิรชยา (จีจี้) 
          8. สมชาย ลีลารักษ์สกุล แสดงเป็น ร้อยตะวัน (ตะวัน) 
          9. จันทรนภา เพชรภักดี แสดงเป็น ประกายมุก (มุก) 
          10. สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ แสดงเป็น ลายไท (ไท)

          พร้อมนักแสดงอื่นๆ อีกมากมาย


ข้อมูลและภาพประกอบจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พลิกดินสู่ดาว โพสต์เมื่อ 25 เมษายน 2551 เวลา 16:14:02 202,317 อ่าน
TOP