ครอบครัวอิคคิว เปิดใจครั้งแรก ไม่เคยสอนให้ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง น้องยันพี่เป็นคนดี

 
          พ่อแม่อิคคิว เปิดใจครั้งแรก ยันไม่หมกเม็ดคดี ไม่เคยสอนลูกชายทำร้ายผู้หญิง แชตที่สอนลูกไม่ได้เหยียดจีจี้ น้องสาวยัน พี่ชายเป็นคนดี



          ความคืบหน้าล่าสุด (22 เมษายน 2566) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า น.ส.ชุติกาญจน์ ธีระโรจนพงษ์ อายุ 44 ปี แม่ของจีจี้ เผยถึงกระแสโซเชียลที่ตั้งข้อสงสัยว่าอิคคิวเสียชีวิตจริงหรือไม่ โดยแม่จีจี้ที่เข้าไปในห้องเกิดเหตุและเห็นศพของทั้งจีจี้และอิคคิว ยืนยันว่า ทั้งจีจี้และอิคคิวเสียชีวิตแล้ว เพราะเห็นศพทั้ง 2 คน ในห้องพัก รับรองว่าทั้ง 2 คนเสียชีวิตจริง แม่อยู่ในห้องพักประมาณ 10 นาที ร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เตียง ก่อนที่ตำรวจจะมา โดยยังเห็นปืนที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ด้วย ตนไปเจอศพคนแรกและได้โทร. ไปบอกแม่อิคคิวว่าเด็กทั้งสองคนยิงกันตาย แม่อิคคิวก็ปล่อยโฮร้องไห้

          ที่ผ่านมาตนและแม่อิคคิวคุยกันตลอด แม่อิคคิวเป็นคนนิสัยดีและสอนลูกดีมาตลอด แต่อาจตามใจลูกจนเอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่อยากให้สังคมไปกระหน่ำโจมตีครอบครัวอิคคิว เพราะอีกฝ่ายก็สูญเสีย ไม่อยากให้ซ้ำเติม เขาอาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถมารับศพลูกได้
          ส่วนเรื่องค่าเยียวยา อีกฝ่ายได้ติดต่อมา โดยอยากจะช่วยออกค่าใช้จ่ายในการทำศพจีจี้ แต่ยังไม่ได้ตกลงไป เพราะคุยกับพ่อจีจี้แล้วให้รอคุยหลังงานศพดีกว่า แม่ไม่ได้คาใจเรื่องสาเหตุการตาย แต่เสียใจที่มีการพกปืนกันง่าย ๆ แล้วมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แม่ขออโหสิกรรม น้องทั้งสองจะได้ตายตาหลับ ไปสู่สวรรค์จะได้ไม่มีอะไรยึดติดต่อกัน



          กรณีเรื่องศพของอิคคิวที่หลายคนตั้งข้อสงสัยนั้น ท่านพระครูไพศาลพิพัฒนาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเสนาสนารามราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ว่าครอบครัวนักเรียนเตรียมทหาร มาติดต่อขอตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดนี้จริง ซึ่งทางครอบครัวได้นำใบมรณบัตรของนักเรียนเตรียมทหารมาให้ดูวานนี้ ทางวัดก็มีการตรวจสอบเอกสารจากการสแกนคิวอาร์โค้ดตรวจสอบ พบว่าเป็นใบมรณบัตรฉบับจริง จึงรับศพไว้และทำพิธีทางศาสนา
          - วันที่มีพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรม เป็นการทำพิธีภายในเฉพาะครอบครัว จึงทำอย่างรวดเร็วและมีความเป็นส่วนตัวของครอบครัว ส่วนที่เป็นกระแสข่าวก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น แล้วแต่ใครจะคิด

          - สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ พระสงฆ์เป็นคนทำพิธี และในช่วงที่มีพิธีรดน้ำศพก็เห็นร่างของนักเรียนเตรียมทหาร หรือ นายอิคคิวจริง สวมชุดนักเรียนเตรียมทหารสีขาว


          - การทำพิธีงานศพ ก็ทำตามปกติเหมือนศพอื่นทั่วไป แต่ไม่เปิดเผย เพราะญาติต้องการความเป็นส่วนตัว และเมื่อเสร็จพิธีก็จะปิดประตูทันที ไม่เหมือนกับงานศพอื่น ๆ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับญาติ

          - กรณีที่ภาพถูกแชร์ออกไป เห็นรูปของอิคคิวมีผ้าที่คลุมรูปหน้าศพ ทางวัดไม่ได้ทำ แต่เป็นความประสงค์ของเจ้าภาพที่ต้องการแบบนั้น

          - ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าวัดช่วยปกปิด และอาจจะไม่มีร่างผู้เสียชีวิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ยืนยันว่า ไม่ได้ปิดบังอะไร ทำทุกอย่างเป็นปกติตามขั้นตอนทางพิธีสวดพระอภิธรรม

ผบ.ตร. ยัน อิคคิว เสียชีวิตจริง - เผยพบคราบเขม่าดินปืนที่มือของอิคคิว

          พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ จีจี้ และ อิคคิว โดยได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ยืนยันว่า อิคคิว เสียชีวิตจริง เนื่องจากมีพยานรู้เห็นจำนวนมาก

          ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงการเสียชีวิตของ อิคคิว ว่ามีความพยายามปกปิดความจริง เพื่อให้หลบหนีไปนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะตำรวจ พนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวน ต้องชี้แจงรายละเอียดของคดีให้เกิดความชัดเจน ตอบคำถามสังคมให้ได้ ส่วนจะเอาผิดใครได้หรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนให้ชัดเจนก่อนเช่นกัน

          นอกจากนี้ จะต้องเชิญพ่อของอิคคิว ซึ่งเป็นเจ้าของปืนมาให้ปากคำ เพื่อให้ทราบว่าอิคคิวได้ปืนมาอย่างไร คาดว่าต้องรอหลังครอบครัวทำพิธีฌาปนกิจก่อน จึงจะเข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนได้ แต่และเบื้องต้นเชื่อว่า อิคคิวเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากมีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน เข้าไปในห้องพัก แต่ต้องรอผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันอีกครั้ง

          ขณะที่การฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายของญาติจีจี้นั้น สามารถทำได้ เพราะถือว่าเป็นการละเมิดจากการทำผิดกฎหมายอาญา ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง

          อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ว่าการตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนที่ตัวผู้เสียชีวิตทั้งสองคน พบเขม่าดินปืนอยู่ในมือของอิคคิวทั้งสองข้าง แต่ไม่พบเขม่าดินปืนที่มือของจีจี้ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบตกอยู่ระหว่างขาของอิคคิว

พ่อแม่อิคคิวเปิดใจครั้งแรก ยันมีพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่มีการหมกเม็ดปกปิดใด ๆ

          วันนี้ (22 เมษายน 2566) ซึ่งเป็นวันฌาปนกิจอิคคิว ทางครอบครัวได้เตรียมทำพิธีถวายพระเพลถวายเพลพระ ก่อนที่จะทำพิธีฌาปนกิจในเวลา 13.00 น. โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา พ่อ แม่และน้องสาวของอิคคิว ได้เปิดใจให้ข้อมูลกับทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้เป็นที่แรก ทั้งพ่อและแม่ยืนกอดกันร้องไห้

          พ่ออิคคิว ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่มีเรื่องไม่ชอบมาพากล พ่อเป็นคนมาพบร่างของลูกชายและน้องจีจี้ หลังจากที่แม่ของน้องจีจี้มาเจอก่อน โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดหรือซ่อนเร้นใด ๆ ทั้งสิ้น

          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พ่อและแม่ตามหาอิคคิว เพื่อที่จะให้กลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร แต่ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งมีการขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั้งของน้องจีจี้และของน้องอิคคิวอยู่ด้วยกัน แต่ติดต่อไม่ได้

          ทั้งพ่อแม่อิคคิวและพ่อแม่ของจีจี้ ก็ออกตามหาลูก โดยพูดคุยกันมาตลอด จนกระทั่งไปพบลูกเสียชีวิต และเป็นคนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมไปถึงมูลนิธิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบเร่งดำเนินการจัดการนำศพไปชันสูตร ซึ่งตำรวจก็สอบปากคำ เก็บรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ได้มีการหมกเม็ดปกปิดใด ๆ ทั้งสิ้น

          พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายอยู่ที่เกิดเหตุ แต่ที่ไม่เห็นภาพข่าว เพราะพื้นที่คอนโดเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล และครอบครัวทั้งสองต่างเสียใจ ไม่อยากให้เห็นภาพความสูญเสียของทั้งสองครอบครัว เพราะแค่นี้ก็เสียใจมากแล้ว

          พ่อของอิคคิว บอกอีกว่า กรณีแชตที่เกิดขึ้นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พ่อสอนลูกชายเรื่องการคบผู้หญิง เป็นการสอนในฐานะลูกผู้ชายที่พูดคุยกัน ไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดหยามหรือให้ร้ายฝ่ายหญิง แต่เป็นการสอนแบบลูกผู้ชาย ซึ่งเมื่อวานข้อความที่ออกมาว่าแชตนี้เป็นแชตของปลอมนั้นเป็นการให้ข้อมูลที่สับสน เพราะพ่อแม่ก็อยู่ในช่วงที่เครียดและร้องไห้ตลอดเวลา

          พ่อและแม่ขอยืนยันว่าไม่เคยให้ลูกใช้ความรุนแรง หรือสอนให้ลูกใช้ความรุนแรง ส่วนที่ให้ไปเรียนยิงปืน อิคคิวเป็นคนชอบในการยิงปืนและชอบกิจกรรมที่เกี่ยวกับการต่อสู้ อยากให้สังคมมองว่าการที่ลูกชายชอบยิงปืนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของลูกผู้ชาย ไม่ใช่เป็นการใช้ความรุนแรง และครอบครัวไม่เคยสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง โดยเมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา ลูกชายก็ไปซ้อมยิงปืนพร้อมกับจีจี้ ซึ่งฝ่ายหญิงก็ชอบในกิจกรรมยิงปืนเหมือนกัน
          ด้านแม่ของอิคคิวให้ข้อมูลทั้งน้ำตาว่า แม่ไม่เคยเลี้ยงลูกให้เป็นคนใช้ความรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายผู้หญิง ตั้งแต่ที่แม่รู้ว่าลูกชายพาจีจี้เข้ามาอยู่ที่บ้าน แม่ก็สอนลูกเกี่ยวกับการดูแลผู้หญิง รวมไปถึงเมื่อรู้ว่ามีการทำร้ายร่างกาย ก็เรียกลูกทั้งสองคนมาสอน และทางครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็รับรู้มาตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม่เสียใจมาก ทางครอบครัวแม่จีจี้ก็เสียใจมากเช่นกัน

          อยากขอร้องสื่อมวลชนว่า ของดทำข่าวเนื่องจากขอให้เป็นงานส่วนตัว เพราะการทำข่าว ภาพเหตุการณ์เหล่านี้ก็จะถูกฝังอยู่ในอินเทอร์เน็ตหรืออยู่ในข่าวทีวีต่าง ๆ เมื่อครอบครัวเปิดดูหรือกลับมาเห็น สภาพจิตใจของครอบครัวก็จะย่ำแย่ ตอนนี้สังคมพิพากษาครอบครัวของอิคคิวไปแล้ว ก็ขอยอมรับผิดกับทุกสิ่งและยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์

          ทางด้านน้องสาวของอิคคิว ยืนยันว่า พี่ชายเป็นคนดีและไม่ได้เป็นคนที่อารมณ์ร้อนหรือชอบทำร้ายร่างกายผู้หญิง แต่การคบกันระหว่างพี่ชายกับพี่จีจี้นั้น ก็เป็นเรื่องของความรักของพี่สองคน ที่พ่อแม่รับรู้และมารู้ภายหลังว่าเลิกกัน ทั้งสองฝ่ายก็ยินดี เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนมีปัญหาทะเลาะกันอีก แต่มารู้ทีหลังว่ากลับมาคบกันอีกครั้ง จนกระทั่งมาเสียชีวิตจึงอยากขอโทษสังคม ขอโทษทุกคน

          ทั้งนี้ พ่อของอิคคิว ยืนยันว่า หลังจากนี้ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทุกอย่าง หากพ่อต้องถูกดำเนินคดีในเรื่องของอาวุธปืนก็พร้อมจะยอมรับ แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

          ส่วนเรื่องการเยียวยาครอบครัวของฝ่ายหญิง ทางครอบครัวของอิคคิวยืนยันว่า จะเยียวยาให้เต็มที่ ทุกวันนี้ก็ยังพูดคุยกันให้กำลังใจครอบครัวจีจี้ วันนี้ขอส่งลูกชายไปสู่ภพภูมิที่ดี จึงไม่ขอให้ข้อมูลใด ๆ กับสื่อมวลชน และไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ

          ส่วนบรรยากาศที่วัดเสนาสนาราม ราชวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีฌาปนกิจของน้องอิคคิว ที่บริเวณศาลาห้า ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล มีเพื่อนสนิทของอิคคิวได้โกนผมบวชหน้าไฟให้ 1 คน และบรรดาเพื่อนสนิทคนอื่น ๆ ต่างมาร่วมงานด้วยความโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กอดกันร้องไห้ แต่ยังไม่พบเจอเพื่อนที่โรงเรียนเตรียมทหาร มาร่วมงานแต่อย่างใด โดยทางครอบครัว ร้องขอความเป็นส่วนตัวในการทำพิธีฌาปนกิจในครั้งนี้ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้