คดีสิ้นสุด จบคดีปล้นทองลพบุรี ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
สั่งประหารชีวิต ผอ. กอล์ฟ หลังก่อเหตุปล้นชิงทอง
ด้านเจ้าตัวก้มหน้ารับสารภาพ
วันที่ 26 เมษายน 2566 ไทยพีบีเอส รายงานว่า จากกรณีที่ผอ.กอล์ฟ หรีอ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 41 ปี
อดีต ผอ.โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี
ก่อเหตุฆ่าชิงทองในห้างสรรพสินค้า หมายคดีดำ อ.300/2564 โดยมีบริษัทออโรร่า
ดีไซน์ และผู้เสียหาย 10 คนร่วมเป็นโจทก์ฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ
พยายามฆ่าผู้อื่นฯ ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563
โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด และการกระทำของจำเลยมีความผิดต่างกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ซึ่งเมื่อรวมทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง และให้จำเลยชดใช้สินไหมทดแทนแก่โจทก์ ได้แก่ โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 180,000 บาท, ที่ 2 จำนวน 99,000 บาท, ที่ 3 จำนวน 130,000 บาท, ที่ 4 จำนวน 2,200,000 บาท, ที่ 5 จำนวน 750,000 บาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2,250,000 บาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 750,000 บาท
โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด และการกระทำของจำเลยมีความผิดต่างกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ซึ่งเมื่อรวมทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง และให้จำเลยชดใช้สินไหมทดแทนแก่โจทก์ ได้แก่ โจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 180,000 บาท, ที่ 2 จำนวน 99,000 บาท, ที่ 3 จำนวน 130,000 บาท, ที่ 4 จำนวน 2,200,000 บาท, ที่ 5 จำนวน 750,000 บาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2,250,000 บาท, ที่ 9 และ 10 จำนวน 750,000 บาท
ในวันนี้ 26 เมษายน 2566 ศาลได้เบิกตัวจำเลยมาที่เรือนจำ และก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาในศาลฎีกานั้น ผอ.กอล์ฟ ได้พูดคุยกับพ่อแม่สั้น ๆ ว่า แว่นอ่านหนังสือไม่ทนทาน อยากเปลี่ยนแว่นใหม่ และเมื่อสอบถาม ผอ.กอล์ฟ ว่าอยู่ในเรือนจำได้ทำอะไรบ้าง ผอ.กอล์ฟ บอกว่า ตนสอนหนังสือให้เด็ก
ทั้งนี้ จำเลยได้ขอลดโทษต่อในศาลฎีกา เนื่องจากมีพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม กรณีมาสืบให้รับฟังว่า จำเลยเป็นคนที่ใช้อาวุธยิงผู้ตายทั้ง 3 และผู้เสียหาย ชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำแล้วหลบหนีไป จำเลยไม่ได้ลุแก่โทษ แต่เข้ามอบตัวและสารภาพความผิด แต่ได้ความว่า เจ้าพนักงานตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับจำเลย และการที่จำเลยสารภาพ เพราะจำนนต่อหลักฐาน จำเลยมีการตระเตรียมเพื่อที่จะชิงทรัพย์ แม้จำเลยจะชดใช้ความเสียหายเพื่อบรรเทาผลและสำนึกผิดนั้น ก็ไม่เป็นเหตุผลที่จะใช้ดุลยพินิจเพื่อลดโทษให้แก่จำเลยได้
ด้านศาลฎีกาเห็นว่า พฤติกรรมของจำเลยมีความอุกอาจ กระทำการในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นสถานที่สาธารณะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 1 ราย รวมถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ัเป็นพฤติการณ์อันอุกอาจเหี้ยมโหดอันตรายผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึง ผอ.โรงเรียน ควรมีจิตสำนึกที่ดีให้สมกับการเป็นครู และประพฤติตนเป็นแบบอย่าง แต่กลับกระทำการอย่างอุกอาจ การที่จำเลยขอปรานีให้ลดโทษจึงเป็นเหตุไม่สมควร ศาลฎีการจึงเห็นพ้องให้ยืนคำสั่งประหารชีวิต