เมียช็อก พาลูกไปเยี่ยมหลุมศพผัว จู่ ๆ แว่วเสียงคนร้อง ขุดโลงดู ช็อกภาพตรงหน้า

         รายงานเผยว่า สามีภรรยาคู่ดังกล่าวคือ เหลียงจินสือ และ หลี่คุนหลาน ทั้งคู่แต่งงานอยู่กินกันมาหลายปี มีลูกชายด้วยกัน 2 คน โดยเหลียงจินสือนั้นเป็นผู้ชายใจดีและซื่อสัตย์ เขายังเป็นเสาหลักของบ้านที่ออกไปทำงานหาเงิน ในขณะที่ภรรยาอยู่เลี้ยงลูกและทำงานเกษตรอยู่ที่บ้าน

         แม้พวกเขาจะมีฐานะยากจน เหลียงจินสือก็พยายามทำงานหนักเพื่อหาเงิน เขามอบเงินทั้งหมดที่หามาได้แก่ภรรยา และตัดสินใจออกไปทำงานต่างเมือง จนกระทั่งเขาล้มป่วย เริ่มมีอาการง่วงงุนและอ่อนแรง รู้สึกเหนื่อยล้ามากตอนทำงาน

         เดิมเขาคิดว่าตัวเองแค่เหนื่อยเกินไป จึงไม่ได้ใส่ใจจะรักษาเพราะไม่อยากเสียเงินค่าหมอ จนสุดท้ายร่างกายของเขาก็ทนต่อไปไม่ไหว ทำให้เหลียงจินสือจำต้องกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แม้ภรรยาจะรบเร้าให้ไปหาหมอ เขายังดื้อดึง กว่าจะยอมไปตรวจร่างกายที่คลินิกอาการก็หนักแล้ว อีกทั้งแม้จะได้ยาถุงใหญ่กลับมาบ้าน อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นนัก

         สุดท้ายอาการของเหลียงจินสือก็เลวร้ายจนไม่สามารถเดินได้ แม้ภรรยาจะอยากให้เขาไปหาหมอที่เมืองใหญ่ เขาก็ห้ามเธอไว้ เพราะมองว่าตัวเองป่วยหนักแล้ว ไม่อยากเสียเงินมากมายในการรักษาอีก

         สุดท้ายภรรยาจำต้องเป็นฝ่ายออกไปทำงานต่างเมือง และให้แม่สามีมาคอยดูแลเขา แต่ไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2549 อยู่ ๆ หลี่คุนหลานจะได้รับโทรศัพท์จากหมู่บ้าน แจ้งว่าสามีของเธอเสียชีวิตแล้ว

         รายงานเผยว่า แม่สามีเป็นคนพบความผิดปกติตอนที่นำอาหารมาให้ลูกชาย โดยเธอเคาะประตูเรียกอยู๋หลายครั้ง แต่ลูกชายก็ไมขานตอบ เมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปก็พบเหลียงจินสือที่นอนนิ่ง ตัวเย็น และไม่หายใจ จึงรีบให้คนไปตามหมอในหมู่บ้านมา แต่เพียงไม่ถึง 10 นาทีหมอก็สรุปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

         ทั้งนี้ หลังครอบครัวจัดงานศพและฝังร่างของเหลียงจินสือ ภรรยาก็ต้องกลับมาเก็บข้าวของสามีที่บ้าน และพาลูกไปเยี่ยมหลุมศพของสามี มันเป็นวันที่ 3 ที่ร่างของเขาถูกฝังลงหลุม แต่อยู่ ๆ หลี่คุนหลานก็ได้ยินเสียงร้องดังแว่วมา เดิมเธอคิดว่ามีใครแกล้ง แต่เมื่อลูก ๆ ยืนยันว่าได้ยินเสียงเช่นกัน เธอจึงรีบกลับไปหมู่บ้าน ตามเพื่อนบ้านและหาอุปกรณ์มาขุดหลุม เปิดโลงศพดู กระทั่งพบสามีที่อยู่ในสภาพนอนหายใจรวยริน พวกเขาจึงรีบพาเหลียงจินสือไปส่งโรงพยาบาลทันที

         กระแสข่าวเรื่องการตายและฟื้นของเหลียงจินสือถูกลือไปทั่ว จนในที่สุดโรงพยาบาลใหญ่ในมณฑลกว่างโจวก็ตัดสินใจติดต่อไปหาหลี่คุนหลาน ขอตรวจร่างกายของเหลียงจินสือเพื่อไขปริศนาเรื่องดังกล่าว  

         ผลปรากฏว่าเหลียงจินสือป่วยเป็นโรคเบาหวานขั้นรุนแรง ในขณะที่ค่าน้ำตาลในเลือดของคนทั่วไปอยู่ที่ 5.9 แต่ค่าน้ำตาลในเลือดของเขาสูงถึง 38.5 และเนื่องจากเขาไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เกิดอาการดังกล่าว และเมื่อหมอในท้องถิ่นเห็นว่าเขาตัวเย็นและไม่หายใจ จึงสรุปเอาว่าเขาเสียชีวิต โดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์ตรวจเพิ่มเติม ซึ่งโชคดีที่ตอนนำตัวเหลียงจินสือลงไปในโลงศพนั้น ไม่ได้มีการปิดผนึงโลงอย่างหนาแน่น มิเช่นนั้นเขาอาจขาดออกซิเจนจนเสียชีวิตได้

         ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์ zhuanlan,  sohu