ทหารยศนายสิบกร่างจัด กลับมาคอนโดแล้วไม่มีที่จอดรถ ฉุนหยิบปืนมายิงกว่า 10 นัด อวดอ้างเคยยิงคนมาแล้ว ไม่มีใครทำอะไรได้
วันที่ 3 มิถุนายน 2566 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน นายพงศา (สงวนนามสกุล) ประธานนิติบุคคลคอนโดแห่งหนึ่งใน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้นำภาพกล้องวงจรปิดเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อ ระบุว่าผู้พักอาศัย ซึ่งเป็นทหารยศนายสิบได้ยิงปืนออกจากตึกกว่า 10 นัด หลังจากกลับมาที่คอนโดแล้วไม่มีที่จอดรถ
ก่อนผู้ก่อเหตุจะลงมาด้านล่างแล้วประกาศลั่นว่า เคยยิงคนมาแล้ว แต่ไม่มีใครทำอะไรได้ พร้อมควงปืน ก่อนกลับขึ้นไปยิงปืนต่อ ทำให้ผู้พักอาศัยคนอื่นหวาดกลัวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง
นายพงศา เผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ช่วงเวลา 02.49 น. ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ รปภ. ของอาคารบี 1 ว่าได้ยินเสียงปืนที่ตึกดังกล่าว เจ้าหน้าที่ รปภ. จึงโทรศัพท์รายงาน โดยที่เบื้องต้นลำดับเหตุการณ์ได้ว่า ช่วงเวลาประมาณ 02.49 น. ของวันดังกล่าว ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นทหารยศนายสิบและเป็นผู้พักอาศัยในคอนโด ได้ขับรถมาจอดบริเวณหน้าอาคารบี 1 จากการสังเกตพบว่า ผู้ก่อเหตุดูอารมณ์เสีย เนื่องจากน่าจะหาที่จอดรถไม่ได้
ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะจอดรถบริเวณหน้าตึกแล้วเดินเข้าไปภายในอาคาร ซึ่งต่อมาทราบว่าพักอยู่ชั้นที่ 10 สักพักก็มีเสียงปืนดังขึ้น โดยที่เสียงปืนดังขึ้นในเวลา 02.54 น. ประมาณ 2 นัด หลังจากนั้นเวลา 02.55 น. ได้ยินเสียงปืนอีก 3 นัด
จากนั้นในเวลา 02.57 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินลงมาจากอาคารและออกมาเอะอะโวยวายหน้าตึก พร้อมพูดว่า ใครที่จอดรถไว้บริเวณนี้แล้วถ้าออกไม่ได้ ให้ไปพบได้ที่ชั้น 10 ของอาคารดังกล่าว ทั้งยังอวดอ้างด้วยว่า เคยยิงคนมาแล้วแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ และควงอาวุธปืนขนาด 9 มม. ขึ้นมาด้วย ก่อนที่เวลา 03.02 น. จะได้ยินเสียงปืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย
นายพงศา เล่าต่ออีกว่า ที่ตึกดังกล่าวเคยมีเหตุยิงกันที่ชั้น 10 แล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งที่แล้วเป็นลักษณะการมาทวงหนี้ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งครั้งที่ผ่านมากับครั้งนี้ ก็ไม่ทราบว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ แต่หลังจากที่มาย้อนดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า เหตุครั้งแรกและครั้งที่ผ่านมา จากการเทียบรูปพรรณสัณฐานแล้วน่าจะเป็นคนเดียวกัน
โดยขณะนี้ในฐานะประธานนิติบุคคล ยังไม่มีการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางนิติได้แจ้งลงไลน์กลุ่มแล้วว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และอยากให้ผู้พักอาศัยคนดังกล่าวมาพูดคุยเพื่อหาทางออกกับเรื่องนี้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิติบุคคลยังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากมีผู้แจ้งว่าได้ยินเสียงปืน โดยที่นี้มีตึกอยู่ 7 ตึก 1,400 ยูนิต ซึ่งมีผู้พักอาศัยอยู่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และผู้พักอาศัยคนอื่นเริ่มหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่รู้ว่าวันหนึ่งวันใดจะมีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ทางนิติบุคคลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับเหตุการณ์นี้ให้เด็ดขาด ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำ มันจะเป็นวัวหายล้อมคอก
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะจอดรถบริเวณหน้าตึกแล้วเดินเข้าไปภายในอาคาร ซึ่งต่อมาทราบว่าพักอยู่ชั้นที่ 10 สักพักก็มีเสียงปืนดังขึ้น โดยที่เสียงปืนดังขึ้นในเวลา 02.54 น. ประมาณ 2 นัด หลังจากนั้นเวลา 02.55 น. ได้ยินเสียงปืนอีก 3 นัด
จากนั้นในเวลา 02.57 น. ผู้ก่อเหตุได้เดินลงมาจากอาคารและออกมาเอะอะโวยวายหน้าตึก พร้อมพูดว่า ใครที่จอดรถไว้บริเวณนี้แล้วถ้าออกไม่ได้ ให้ไปพบได้ที่ชั้น 10 ของอาคารดังกล่าว ทั้งยังอวดอ้างด้วยว่า เคยยิงคนมาแล้วแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ และควงอาวุธปืนขนาด 9 มม. ขึ้นมาด้วย ก่อนที่เวลา 03.02 น. จะได้ยินเสียงปืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย
นายพงศา เล่าต่ออีกว่า ที่ตึกดังกล่าวเคยมีเหตุยิงกันที่ชั้น 10 แล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งที่แล้วเป็นลักษณะการมาทวงหนี้ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น ซึ่งครั้งที่ผ่านมากับครั้งนี้ ก็ไม่ทราบว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ แต่หลังจากที่มาย้อนดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า เหตุครั้งแรกและครั้งที่ผ่านมา จากการเทียบรูปพรรณสัณฐานแล้วน่าจะเป็นคนเดียวกัน
โดยขณะนี้ในฐานะประธานนิติบุคคล ยังไม่มีการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางนิติได้แจ้งลงไลน์กลุ่มแล้วว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และอยากให้ผู้พักอาศัยคนดังกล่าวมาพูดคุยเพื่อหาทางออกกับเรื่องนี้
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางนิติบุคคลยังไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากมีผู้แจ้งว่าได้ยินเสียงปืน โดยที่นี้มีตึกอยู่ 7 ตึก 1,400 ยูนิต ซึ่งมีผู้พักอาศัยอยู่ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ และผู้พักอาศัยคนอื่นเริ่มหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่รู้ว่าวันหนึ่งวันใดจะมีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ทางนิติบุคคลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับเหตุการณ์นี้ให้เด็ดขาด ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำ มันจะเป็นวัวหายล้อมคอก
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
