สาวแฉ คบแฟนหนุ่มมา 6 ปี กำลังจะแต่งงาน อยู่ ๆ หายตัวติดต่อไม่ได้ สืบเจอคลิปเซ็กส์อื้อบนไดรฟ์ แถมวีรกรรมชั่วสุดช็อก
ภาพจาก Facebook
วันที่ 16 มิถุนายน 2566 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวจากหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศมาเลเซีย เมื่อไม่นานมานี้เรื่องราวของเธอกลายเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างร้อนแรงบนสื่อออนไลน์ ภายหลังจากเธอออกมาแชร์ประสบการณ์สุดช็อกเกี่ยวกับคู่หมั้นของเธอ ผู้ชายที่คบกันมานานถึง 6 ปี และกำลังจะแต่งงานกัน ที่แท้เขาคือ "สัตว์ร้าย" ชนิดที่น่ารังเกียจอย่างไม่คาดฝัน
หญิงสาวเผยว่า เธอคบกับแฟนหนุ่มคนนี้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบออกมาทำงาน รวมเป็นเวลานาน 6 ปี เมื่อปีที่แล้วเธอได้ตกลงรับคำขอแต่งงานของเขา และกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการสำหรับงานแต่งงาน เพื่อจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วยกัน ชีวิตของเธอเป็นปกติสุขเหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไป ไม่เคยมีอะไรให้ต้องระแวงหรือเคลือบแคลงใจน่าสงสัย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา…
ภาพจาก Facebook
หญิงสาวเดินทางไปเที่ยวทริปกับครอบครัวเป็นเวลา 5 วัน จู่ ๆ เธอก็ติดต่อแฟนของเธอไม่ได้ เขาไม่รับสายโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลเลย ทำให้เธอประหลาดใจและสงสัย แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนเมื่อเดินทางกลับมาเธอได้รับการตอบกลับจากเขาเพียงประโยคเดียวสั้น ๆ ว่า "ผมไม่รักคุณแล้ว" ทั้งยังอ้างว่าจะไปสงบสติอารมณ์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่รับสายหรือตอบข้อความของเธอแม้แต่ข้อความเดียว
เมื่อได้เผชิญกับท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบสุดขั้วของแฟนหนุ่ม หญิงสาวจึงพยายามหาข้อมูลเบาะแสจากทุกสิ่งรอบตัวอย่างเต็มที่ จากที่ไม่เคยเอะใจอะไร เธอก็ไปติดตามสืบค้นจนสุดความสามารถ และข้อมูลที่เธอได้รู้มาทำเอาเธอถึงกับช็อกโลกสลาย
แฟนหนุ่มของเธอเคยชื้อบริการทางเพศมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังเคยพาสาวขายบริการมามีเซ็กส์กันที่ห้องที่ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอหลังแต่งงาน แล้วที่สำคัญเงินที่เป็นทุนส่วนหนึ่งสำหรับใช้ในงานแต่งงานจำนวน 20,000 ริงกิต (ราว 150,000 บาท) เขาก็เอามันไปใช้กับการซื้อบริการทางเพศ "เขาเป็นปิศาจบ้าเซ็กส์ของจริง"
ภาพจาก Facebook
ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังค้นพบว่าแฟนหนุ่มของเธอมีคลิปเซ็กส์จำนวนมากบนคลาวด์ไดรฟ์ และที่น่าตกใจอย่างไม่คาดคิดคือ เขามีภาพถ่ายรูปชุดชั้นในของคนในครอบครัว โดยวางแผนที่จะนำมันไปขายเพื่อเงิน !
"หลายปีที่คบกันฉันเชื่อใจอีกฝ่าย 100% และไม่เคยสงสัยเขาเลย ตอนนี้ฉันมีแต่ความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และได้แต่โทษตัวเอง ฉันพาสัตว์ร้ายอะไรเข้าบ้าน ?" หญิงสาวสารภาพความในใจอย่างสุดเจ็บช้ำ
ทั้งนี้ เธอเผยด้วยว่า แฟนหนุ่มได้ยอมรับในเวลาต่อมาว่าการซื้อบริการทางเพศเกิดจากความกดดันในชีวิต ส่วนการแอบถ่ายชุดชั้นในของคนในครอบครัวนั้น เขาอ้างว่าตอนนั้นไม่มีเงิน ทว่าสิ่งที่น่าสิ้นหวังไปมากกว่านั้นคือ ครอบครัวของเขาภายหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมด พวกเขากลับตำหนิว่าต้นเหตุเป็นเพราะเธอไม่ให้อิสระ ไม่ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่เขา ทั้งยังขอให้เธอให้อภัยเขาและดำเนินงานแต่งงานต่อไป
ภาพจาก Facebook
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดหญิงสาวรู้สึกเสียใจมากจึงตัดสินใจยกเลิกการแต่งงานอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้เธอยังได้ส่งจดหมายจากทนายไปถึงเขา ซึ่งในขณะนั้นมีสถานะเป็นคู่หมั้น เนื่องจากเธอตั้งใจจะฟ้องร้องเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก ettoday.net
ภาพจาก Facebook
หญิงสาวเผยว่า เธอคบกับแฟนหนุ่มคนนี้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งจบออกมาทำงาน รวมเป็นเวลานาน 6 ปี เมื่อปีที่แล้วเธอได้ตกลงรับคำขอแต่งงานของเขา และกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการสำหรับงานแต่งงาน เพื่อจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวด้วยกัน ชีวิตของเธอเป็นปกติสุขเหมือนคู่รักทั่ว ๆ ไป ไม่เคยมีอะไรให้ต้องระแวงหรือเคลือบแคลงใจน่าสงสัย จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา…
ภาพจาก Facebook
เมื่อได้เผชิญกับท่าทีที่เปลี่ยนไปแบบสุดขั้วของแฟนหนุ่ม หญิงสาวจึงพยายามหาข้อมูลเบาะแสจากทุกสิ่งรอบตัวอย่างเต็มที่ จากที่ไม่เคยเอะใจอะไร เธอก็ไปติดตามสืบค้นจนสุดความสามารถ และข้อมูลที่เธอได้รู้มาทำเอาเธอถึงกับช็อกโลกสลาย
แฟนหนุ่มของเธอเคยชื้อบริการทางเพศมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แถมยังเคยพาสาวขายบริการมามีเซ็กส์กันที่ห้องที่ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอหลังแต่งงาน แล้วที่สำคัญเงินที่เป็นทุนส่วนหนึ่งสำหรับใช้ในงานแต่งงานจำนวน 20,000 ริงกิต (ราว 150,000 บาท) เขาก็เอามันไปใช้กับการซื้อบริการทางเพศ "เขาเป็นปิศาจบ้าเซ็กส์ของจริง"
ภาพจาก Facebook
"หลายปีที่คบกันฉันเชื่อใจอีกฝ่าย 100% และไม่เคยสงสัยเขาเลย ตอนนี้ฉันมีแต่ความเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และได้แต่โทษตัวเอง ฉันพาสัตว์ร้ายอะไรเข้าบ้าน ?" หญิงสาวสารภาพความในใจอย่างสุดเจ็บช้ำ
ทั้งนี้ เธอเผยด้วยว่า แฟนหนุ่มได้ยอมรับในเวลาต่อมาว่าการซื้อบริการทางเพศเกิดจากความกดดันในชีวิต ส่วนการแอบถ่ายชุดชั้นในของคนในครอบครัวนั้น เขาอ้างว่าตอนนั้นไม่มีเงิน ทว่าสิ่งที่น่าสิ้นหวังไปมากกว่านั้นคือ ครอบครัวของเขาภายหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมด พวกเขากลับตำหนิว่าต้นเหตุเป็นเพราะเธอไม่ให้อิสระ ไม่ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่เขา ทั้งยังขอให้เธอให้อภัยเขาและดำเนินงานแต่งงานต่อไป
ภาพจาก Facebook
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ettoday.net