อนุพงษ์ แจงอย่ามองตัดสิทธิ์ เบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ได้ทุกคน ตนรับบำนาญ 60,000 ก็ไม่ควรได้


           อนุพงษ์ แจงปมออกระเบียบใหม่เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ใช้เกณฑ์รายได้เป็นที่ตั้ง ขออย่ามองว่าตัดสิทธิ์รับเงิน 600 บาท จากนี้ไม่ได้ทุกคน ยกเคสตัวเองมีบำนาญ 60,000 ไม่ควรจะได้ แต่ย้ำยังไม่ได้ข้อสรุป

เบี้ยผู้สูงอายุ

           จากกรณีกระทรวงมหาดไทย ออกระเบียบวิธีการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยกำหนดว่า "เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด"  ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 ลงนามโดย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง

           อ่านข่าว : สรุปง่าย กฎใหม่รับเบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท ตอบคนเดิมจะยังได้ไหม - คนใหม่ใช้เกณฑ์อะไร

เบี้ยผู้สูงอายุ

           เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 14 สิงหาคม 2566 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รักษาการรัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ชี้แจงถึงกรณีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ โดยเผยว่า เรื่องเงินดูแลผู้สูงอายุ จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ที่เป็นเจ้าของเรื่อง โดยมีคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้ ตามหลักเกณฑ์ แต่งบประมาณส่วนนี้ นำมาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้จ่ายจึงเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย เป็นที่มาว่าโดยกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะจ่ายได้นั้น กระทรวงมหาดไทยจะต้องออกระเบียบ เพื่อที่ให้เขาดำเนินการได้

           แต่เคยมีปัญหาเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จ่ายเงินตามปกติ ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนแล้ว แต่เกิดประเด็นว่ากรมบัญชีกลางท้วงว่า คนที่มีรายได้ส่วนอื่นจากของรัฐจะรับอีกไม่ได้ ในช่วงนั้นก็มีการแก้ไขปัญหากัน สรุปว่าที่จ่ายไปแล้วก็ไม่เรียกคืน ที่เรียกคืนไปแล้วเราก็ไปจ่ายเงินคืนให้เหมือนเดิม มาถึงตอนนี้จะจ่ายอย่างไรนั้น จึงอยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นคนกำหนด หลังจากนั้นมหาดไทยก็จะไปออกให้สอดคล้องกับที่กำหนดมา

เบี้ยผู้สูงอายุ

           ส่วนที่บางคนไปเข้าใจผิดว่าตัดหรือไม่ตัดเบี้ยนั้นไม่ใช่ แต่เราบอกไปเพื่อที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้จ่ายได้ ส่วนจะจ่ายได้อย่างไรนั้นต้องรอดูจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเงื่อนไขเวลา เกี่ยวที่ว่าคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะกำหนดออกมาเมื่อไหร่อย่างไร

           ประเด็นที่ถูกพูดถึงเรื่องการพิสูจน์ความจน พล.อ. อนุพงษ์ ระบุว่า มันก็มีวิธีคิดได้หลายแบบ ถ้าคนอย่างตนได้ด้วยเนี่ย ยุติธรรมหรือไม่ ตนก็เป็นข้าราชการเกษียณแล้ว มีบำนาญ 60,000 กว่าบาท คิดว่าตนควรได้ไหม นั่นแหละเป็นสิ่งที่เขาจะพิจารณาว่า คนแบบใดไม่ควรได้ คนแบบใดควรได้ จึงย้ำว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นคนกำหนดเรื่องนี้ มหาดไทยก็ออกระเบียบให้สอดคล้องกับเขาเท่านั้นเอง อย่ามองด้านเดียวว่าไปตัดสิทธิ์ สรุปแล้วจะตัดไม่ตัดอย่างไร อยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จะกำหนดเกณฑ์มา แต่ตนคิดว่าต้องตัด คนอย่างตนไม่ควรจะได้

เบี้ยผู้สูงอายุ

           ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่าเป็นการลักไก่ทำช่วงรัฐบาลรักษาการ พล.อ. อนุพงษ์ ระบุว่า บอกไปอยู่ว่า ตอนนี้ยังไม่มีการทำอะไรเลย จนกว่าคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนดมา เพราะฉะนั้นที่พูดเนี่ยเข้าใจผิด ยังไม่มี ตอบได้หรือว่าจะให้หรือไม่ให้ ผมถามใหม่ว่า ถ้าให้เลย ตนได้ด้วยนะ ตนอายุ 70 ก็ได้ 700 ด้วย มันเหมาะสมไหม คนอย่างตนจะได้ เพราะฉะนั้นขอให้ดูผลของเขา ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ยุติ

           ประเด็นเรื่องก่อนที่จะมีระเบียบจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติออกมาท้องถิ่นจะทำอย่างไรนั้น พล.อ. อนุพงษ์ ระบุว่า ก็ต้องหารือไป ถ้าไปถึงวันนั้นแล้วยังไม่มีระเบียบออกมา ต้องหารือกัน เพราะถ้าจ่ายไปแล้วไปเรียกคืนก็จะวุ่นอีก ถ้าบอกจ่ายหมด ตนจะได้ด้วย ถึงวันนั้นคุณจะมาด่าอีกว่า คนอย่างตนไม่ควรจะได้
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อนุพงษ์ แจงอย่ามองตัดสิทธิ์ เบี้ยผู้สูงอายุ ไม่ได้ทุกคน ตนรับบำนาญ 60,000 ก็ไม่ควรได้ โพสต์เมื่อ 15 สิงหาคม 2566 เวลา 09:39:06 10,342 อ่าน
TOP
x close