ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ตีตกคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน
ส่งตีความปมเสนอชื่อ นายพิธา โหวตนายกซ้ำรอบ 2
เหตุผู้ร้องไม่ใช่ผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรง
จากกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
กรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น
อ่านข่าว : ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ปมพิธาไม่ได้โหวตนายกฯ รอบ 2 ขัดรัฐธรรมนูญ
อ่านข่าว : ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ปมพิธาไม่ได้โหวตนายกฯ รอบ 2 ขัดรัฐธรรมนูญ
ล่าสุดวันที่ 16 สิงหาคม 2566 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 กรณีรัฐสภา มีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 213 ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 46 เป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์ให้ศาลรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิ หรือเสรีภาพของบุคคลจากการกระทำละเมิดโดยใช้อำนาจรัฐ
ภาพจาก พรรคก้าวไกล
ผู้ร้องเรียนทุกคนจึงไม่ใช่ผู้ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพโดยตรง ไม่อาจใช้สิทธิยื่นคำร้องเรียนได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง ประกอบมีช่องทางในการยื่นคำร้องที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะแล้ว ดังนั้นผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา เนื่องจากผู้ร้องทั้ง 3 ไม่ใช่ผู้ถูกละเมิดสิทธิโดยตรง เมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว คำขอให้คำสั่งชะลอการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป จึงเป็นอันตกไป