สาวเที่ยวไทยครั้งแรก เจอประสบการณ์หลอนผีจับขา ขนลุกจนไม่กล้ากลับมาเที่ยวอีก

           เรื่องราวของหญิงสาวรายนี้ถูกนำมาเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก XUAN Play เผยว่า เธอเคยมาเที่ยวกรุงเทพฯ ครั้งแรกตอนอายุ 21 ปี โดยมากับเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัยอีก 2-3 คน ครั้งนั้นเธอตื่นเต้นมาก และตั้งตารอกำหนดการเดินทางที่จะมาถึง โดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นทริปเมืองไทยครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเธอ แถมมันยังกลายเป็นทริปฝันร้ายชวนสยองขวัญสำหรับเธอที่จะจดจำไปตลอดชีวิต   

           หญิงสาวเผยว่า ขณะที่มาถึงประเทศไทย เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงแรม จนกระทั่งวันที่สอง เธอก็ได้ไปเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืน เธอรู้สึกตื่นเต้นมากและได้ถักผมเดรดล็อกด้วย จนกระทั่งตอนที่เดินไปตามตรอก อยู่ ๆ ขาของเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างมาสัมผัส ตอนแรกเธอคิดว่ามันเป็นขยะ ก่อนที่จะรู้สึกตัวจึงสะดุ้งและกรีดร้อง เพราะเข้าใจว่ามันคือหนู แต่ก็ไม่เห็นแน่ชัด ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป

           เพื่อน ๆ ของหญิงสาวที่เดินไปด้วยต่างตกใจเสียงร้องของเธอ แต่พวกเขามองสำรวจไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นหนู จึงไม่ได้ทำอะไรและพากันเดินต่อ แต่แล้วเธอก็ต้องสะดุ้งโหยงอีกครั้ง และครั้งนี้สะพรึงยิ่งกว่าเดิม เธอมั่นใจว่ามีมือมาจับที่เท้าของเธอ และรู้สึกได้ว่ามันเป็นนิ้ว 5 นิ้ว ซึ่งไม่มีทางที่หนูจะจับขาเธอแบบนั้นแน่นอน เธอรีบวิ่งหน้าตั้งจนไปหยุดที่ร้านสะดวกซื้อบนถนนสายหลัก

           เพื่อนของเธอที่วิ่งตามมาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอถามเพื่อนว่าเห็นอะไรที่พื้นไหม พวกเขาบอกเธอว่ามันเป็นหนู แต่ความรู้สึกของเธอมั่นใจว่ามันไม่ใช่หนูแน่นอน เพราะสัมผัสที่จับเป็นนิ้วมือชัดเจน เธอเสียขวัญมากจึงรีบขอให้พวกเขาพาเธอกลับโรงแรมทันที

           วันที่เหลือของทริปครั้งนั้นหญิงสาวรู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าออกจากห้องโรงแรม รวมทั้งกินอาหารที่โรงแรม ในขณะที่เพื่อนของเธอออกไปเที่ยวกัน แต่เธอไม่กล้าออกไปข้างนอกเลย จนกระทั่งวันที่สี่ วันสุดท้ายของการเดินทางกลับ เธอก็มุ่งหน้าไปที่สนามบินทันทีไม่แวะที่ไหนโดยเด็ดขาด

           เธอจดจำความรู้สึกนั้นได้อย่างแม่นยำ และมันทำให้เธอไม่กล้ากลับไปเที่ยวกรุงเทพฯ อีกเลย แม้ว่าเพื่อน ๆ ของเธอจะชอบที่นั่นมาก และชวนเธอไปอีกหลายครั้ง แต่เธอก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่น

           "ฉันเข้าใจว่าเรื่องเหนือธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ แต่การไปกรุงเทพฯ ครั้งนั้นครั้งเดียวทำให้ฉันกลัวกรุงเทพฯ ตลอดไป" หญิงสาวกล่าว


ขอบคุณข้อมูลจาก เวิลด์ออฟบัซ