หมอชลน่าน ชี้สังคมกำลังบิดเบี้ยว คนไทยไม่ยอมมีลูก เตรียมผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ถ้าไม่เพิ่มฐานประชากร จะแข่งขันกับใครไม่ได้ - สส. ก้าวไกล ซัดเจ็บ คนไม่อยากมีลูก เป็นเรื่องของเขา
วันที่ 12 กันยายน 2566 ในการประชุมรัฐสภาช่วงหนึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ถึงเรื่องปัญหาสังคมผู้สูงอายุและผู้เกิดใหม่น้อย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า "กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ เราต้องการใช้กระทรวงเราเป็นจุดกำเนิด จะผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ลูกมากจะยากจน ต้องเอาออกจากสมองคนไทย
คนไทยไม่ยอมมีลูกครับ โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีนะครับ มีความรู้ ความสามารถ มีฐานเศรษฐกิจที่รองรับ ไม่ยอมมีลูกหลายคู่ครับ แต่งงานปุ๊บบังคับให้สามีทำหมันเลย ไม่อยากมีลูก นั่นคือสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญ เราจะทำในมิติของกระทรวงสาธารณสุข และผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ผมเชื่อว่านายกฯ รับเรื่องนี้ ถ้าเราไม่เพิ่มฐานประชากร เราจะแข่งขันกับใครไม่ได้"
โซเชียลซัดดุ เลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้ได้ดี ไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะที่ความคิดเห็นของชาวเน็ตมองว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทัศนคติ เพราะเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว การมีลูกนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องทุ่มเวลาเป็นอย่างมาก คนรุ่นเก่าอาจมองว่าคนจนยังเลี้ยงลูกได้ การเลี้ยงให้มีข้าวกิน มีที่นอน ใครก็เลี้ยงได้ แต่การเลี้ยงให้ได้รับการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีสวัสดิการที่เอื้อช่วยเหลือให้คนอยากมีลูกไม่ต้องกังวลว่ามีแล้วจะเลี้ยงดูได้ไหม เช่น ค่านมลูก ค่าผ้าอ้อม ค่าวัคซีน ชุดนักเรียนฟรี ค่าเทอมฟรี ฯลฯ ก็อาจจะช่วยกระตุ้นให้คนอยากมีลูกเพิ่มขึ้นก็ได้
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "การที่คู่รักแต่งงานกัน ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่ไม่ต้องการมีลูกนั้น .. ไม่ใช่เรื่องบิดเบี้ยว .. แต่เป็นเรื่องของเขาครับ"
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
เกาะติดข่าวการเมืองล่าสุดวันนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
วันที่ 12 กันยายน 2566 ในการประชุมรัฐสภาช่วงหนึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลุกขึ้นชี้แจงถึงนโยบายการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ถึงเรื่องปัญหาสังคมผู้สูงอายุและผู้เกิดใหม่น้อย
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า "กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปดูแลเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์ เราต้องการใช้กระทรวงเราเป็นจุดกำเนิด จะผลักดันเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ มาดูเรื่องประชากรกันใหม่ครับ ลูกมากจะยากจน ต้องเอาออกจากสมองคนไทย
คนไทยไม่ยอมมีลูกครับ โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีนะครับ มีความรู้ ความสามารถ มีฐานเศรษฐกิจที่รองรับ ไม่ยอมมีลูกหลายคู่ครับ แต่งงานปุ๊บบังคับให้สามีทำหมันเลย ไม่อยากมีลูก นั่นคือสิ่งที่กำลังบิดเบี้ยวในสังคมไทย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญ เราจะทำในมิติของกระทรวงสาธารณสุข และผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ผมเชื่อว่านายกฯ รับเรื่องนี้ ถ้าเราไม่เพิ่มฐานประชากร เราจะแข่งขันกับใครไม่ได้"
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
โซเชียลซัดดุ เลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้ได้ดี ไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะที่ความคิดเห็นของชาวเน็ตมองว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับทัศนคติ เพราะเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบแล้ว การมีลูกนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องทุ่มเวลาเป็นอย่างมาก คนรุ่นเก่าอาจมองว่าคนจนยังเลี้ยงลูกได้ การเลี้ยงให้มีข้าวกิน มีที่นอน ใครก็เลี้ยงได้ แต่การเลี้ยงให้ได้รับการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ง่ายเลย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีสวัสดิการที่เอื้อช่วยเหลือให้คนอยากมีลูกไม่ต้องกังวลว่ามีแล้วจะเลี้ยงดูได้ไหม เช่น ค่านมลูก ค่าผ้าอ้อม ค่าวัคซีน ชุดนักเรียนฟรี ค่าเทอมฟรี ฯลฯ ก็อาจจะช่วยกระตุ้นให้คนอยากมีลูกเพิ่มขึ้นก็ได้
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "การที่คู่รักแต่งงานกัน ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่ไม่ต้องการมีลูกนั้น .. ไม่ใช่เรื่องบิดเบี้ยว .. แต่เป็นเรื่องของเขาครับ"
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
ภาพจาก วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา
เกาะติดข่าวการเมืองล่าสุดวันนี้มีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง