ลำดับเหตุการณ์จาก CCTV ตั้งแต่ต้นจนจบ กราดยิงพารากอน พบคนร้ายเห็นใครก็ยิง พอถูกจับตำรวจต้องปลอบปลอดภัยแล้ว ด้านนายจ้างผู้ตายยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่สนอายุ 14 และจะจ่ายเงินให้ครอบครัวลูกจ้างตลอดชีวิต
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
จากกรณีที่เกิดเหตุยิงกันที่ห้างสยามพารากอน จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แต่สิ่งที่น่าตระหนกที่สุดคือ ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กวัย 14 ปี เท่านั้น พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างดี เป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังใจกลางเมือง ผลการเรียนดี เป็นลูกชายอาจารย์มหาวิทยาลัย
วันที่ 4 ตุลาคม 2566 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว มีการโพสต์เล่าไทม์ไลน์เหตุการณ์ดังกล่าว จากการเช็กกล้องวงจรปิดเบื้องต้น พบเบื้องต้นมีรายละเอียดดังนี้
- เวลา 15.35 น. ผู้ก่อเหตุโดยสาร BTS ก่อนเข้าห้างพารากอน ทาง bts link 2
- เวลา 15.40 น. ผู้ก่อเหตุเดินบริเวณชั้น M สะพายกระเป๋าเป้เข้ามา
- เวลา 15.42 น. ผู้ก่อเหตุเดินเข้าห้องน้ำ ชั้น M ข้างร้านหลุยส์วิตตอง (จุดเริ่มเกิดเหตุ)
- เวลา 16.10 น. เริ่มยิงในห้องน้ำ และหน้าห้องน้ำ
- เวลา 16.11 น. เริ่มเดินกราดยิงบริเวณชั้น M
- เวลา 16.25 น. กราดยิงบริเวณชั้น 2
- เวลา 16.28 น. เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 3 กราดยิงต่อ
- เวลา 17.10 น. ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้บริเวณชั้น 3 ภายในร้าน Chanintr
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานเพิ่มเติมว่า จุดเริ่มต้นของการก่อเหตุ คนร้ายเข้าไปในห้องน้ำ จุดที่ยืนปัสสาวะ แล้วก็เริ่มยิงปืน จากนั้นพอออกมาก็เห็นนักท่องเที่ยวจีนผู้เสียชีวิตอยู่หน้าห้องน้ำก็ยิง แล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ สบตากับใครก็ยิง
ส่วนช่วงเวลาเกิดเหตุ ณ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากผู้ประสบเหตุ มีแต่เสียงปืน ความโกลาหลก็เกิดขึ้น บางคนคิดว่าแก้วแตก บางคนคิดว่าไฟไหม้ กว่าจะรู้ว่าเป็นเหตุกราดยิงคือ 1 ชั่วโมงให้หลัง
ข่าวช่องวัน รายงานว่า ด้านญาติผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นหญิงชาวเมียนมา เปิดเผยว่า ผู้ตายทำงานที่ห้างมาประมาณ 1 เดือน ช่วง 6 โมงเย็น ก่อนที่หัวหน้างานจะโทรศัพท์มาแจ้งว่า สาวชาวเมียนมาถูกยิง ตนจึงรีบมาที่โรงพยาบาลและตกใจมากว่า "แม่งมันไล่ยิงคนทำไมวะ"
ขณะที่นายจ้าง เปิดเผยว่า ตนต้องการเอาผิดกับคนก่อเหตุที่เป็นเยาวชนให้ถึงที่สุด ก่อนที่หญิงชาวเมียนมาจะเสียชีวิต ก็ได้เอาเงินทางร้านไปเข้าธนาคาร แต่กลับมาประสบเหตุเจอยิงกราดยิง ตอนนั้นตนอยู่ต่างจังหวัด พอรู้ข่าวก็รีบบึ่งรถกลับมาทันที
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
จากกรณีที่เกิดเหตุยิงกันที่ห้างสยามพารากอน จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แต่สิ่งที่น่าตระหนกที่สุดคือ ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กวัย 14 ปี เท่านั้น พื้นฐานครอบครัวค่อนข้างดี เป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดังใจกลางเมือง ผลการเรียนดี เป็นลูกชายอาจารย์มหาวิทยาลัย
วันที่ 4 ตุลาคม 2566 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว มีการโพสต์เล่าไทม์ไลน์เหตุการณ์ดังกล่าว จากการเช็กกล้องวงจรปิดเบื้องต้น พบเบื้องต้นมีรายละเอียดดังนี้
- เวลา 15.35 น. ผู้ก่อเหตุโดยสาร BTS ก่อนเข้าห้างพารากอน ทาง bts link 2
- เวลา 15.40 น. ผู้ก่อเหตุเดินบริเวณชั้น M สะพายกระเป๋าเป้เข้ามา
- เวลา 15.42 น. ผู้ก่อเหตุเดินเข้าห้องน้ำ ชั้น M ข้างร้านหลุยส์วิตตอง (จุดเริ่มเกิดเหตุ)
- เวลา 16.10 น. เริ่มยิงในห้องน้ำ และหน้าห้องน้ำ
- เวลา 16.11 น. เริ่มเดินกราดยิงบริเวณชั้น M
- เวลา 16.25 น. กราดยิงบริเวณชั้น 2
- เวลา 16.28 น. เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 3 กราดยิงต่อ
- เวลา 17.10 น. ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้บริเวณชั้น 3 ภายในร้าน Chanintr
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
คนร้ายยังหลอน จนตำรวจต้องปลอบ ปลอดภัยแล้ว
เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานเพิ่มเติมว่า จุดเริ่มต้นของการก่อเหตุ คนร้ายเข้าไปในห้องน้ำ จุดที่ยืนปัสสาวะ แล้วก็เริ่มยิงปืน จากนั้นพอออกมาก็เห็นนักท่องเที่ยวจีนผู้เสียชีวิตอยู่หน้าห้องน้ำก็ยิง แล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ สบตากับใครก็ยิง
ส่วนช่วงเวลาเกิดเหตุ ณ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนอกจากผู้ประสบเหตุ มีแต่เสียงปืน ความโกลาหลก็เกิดขึ้น บางคนคิดว่าแก้วแตก บางคนคิดว่าไฟไหม้ กว่าจะรู้ว่าเป็นเหตุกราดยิงคือ 1 ชั่วโมงให้หลัง
เรื่องคำให้การของผู้ก่อเหตุ ยังคงมีอาการหลอนอยู่ บอกว่า มีคนสั่งให้ยิง ยิงไปตรงโน้น ยิงไปตรงนี้ ส่วนตำรวจก็พยายามบอกว่า "ปลอดภัยแล้ว" เพราะผู้ก่อเหตุมีอาการหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา
ญาติผู้ตายช็อก นายจ้างยินดีจ่ายเงินเดือนให้ครอบครัวตลอดชีวิต
ขณะที่นายจ้าง เปิดเผยว่า ตนต้องการเอาผิดกับคนก่อเหตุที่เป็นเยาวชนให้ถึงที่สุด ก่อนที่หญิงชาวเมียนมาจะเสียชีวิต ก็ได้เอาเงินทางร้านไปเข้าธนาคาร แต่กลับมาประสบเหตุเจอยิงกราดยิง ตอนนั้นตนอยู่ต่างจังหวัด พอรู้ข่าวก็รีบบึ่งรถกลับมาทันที
ในตอนแรกตนโทรศัพท์มาหาลูกจ้างแล้ว แต่เขาไม่รับสาย ตนก็รู้สึกใจไม่ดี จากนั้นก็มีผู้ชายโทรศัพท์มาบอกว่า เจ้าของเบอร์นี้ถูกยิง พอสอบถามอาการเขาก็ไม่บอก บอกแค่ให้รีบมา ตามเซ้นส์ตนก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องร้ายแรง ที่สำคัญคือ พนักงานคนนี้เป็นคนขยันทำงาน พูดได้ทั้งภาษาไทย อังกฤษ จีน ส่งเงินให้ครอบครัวที่เมียนมาทุกเดือน หลังจากนี้ตนจะส่งเงินให้ครอบครัวเดือนละ 1 หมื่นบาท เสมือนกับมีชีวิตอยู่ จ่ายจนกว่าชีวิตตนสิ้น และเร่งรัดการดำเนินคดีให้กับครอบครัว