สรยุทธ สุทัศนะจินดา เปิดคำพิพากษาศาลบางส่วน หลังโซเชียลถกสนั่น แรงจูงใจคดีน้องชมพู่ คืออะไรกันแน่ ลุงพล ทำแบบนั้นทำไม ขณะที่ท่านเรวัช ตั้งข้อสังเกต เรื่องไสยศาสตร์-บูชายัญ
ภาพจาก รายการโหนกระแส
คดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แห่งบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ที่หายตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2563 ก่อนจะพบศพหลังจากนั้น 3 วัน ในระยะห่างจากบ้านไปกว่า 1 กิโลเมตร บนภูเหล็กไฟ ท่ามกลางปริศนามากมายที่ยังไขคำตอบไม่ได้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วนั้น
ล่าสุด (20 ธันวาคม 2566) คดีได้เดินมาถึงไทม์ไลน์สำคัญ เมื่อศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก "ลุงพล" หรือนายไชย์พล วิภา ใน 2 ข้อหา ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 10 ปี และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันควร 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ส่วนป้าแต๋น ศาลยกฟ้อง
ภาพจาก รายการโหนกระแส
กรณีดังกล่าวสร้างความฮือฮาในสังคมอย่างมาก เพราะที่ผ่านมานั้น ลุงพล ยืนกรานความบริสุทธิ์ของตัวเองมาตลอด เขายังสะอื้นไห้ในตอนที่พบศพน้องชมพู่ อีกทั้งยังกลายเป็นคนดังและมีแฟนคลับมากมายจากข่าวน้องชมพู่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความสงสัยว่า แรงจูงใจของคดีนี้คืออะไร ??
ทั้งนี้ จากบางส่วนของคำพิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร ระบุว่า "ปัญหาต่อมาต้องวินิจฉัยว่า ขณะพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) รู้หรือไม่ว่า ผู้ตาย (น้องชมพู่) ถึงแก่ความตายแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ร่วมทั้งสอง (พ่อ-แม่ น้องชมพู่) หรือผู้ตาย (น้องชมพู่) มาก่อน จึงไม่น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) มีเจตนาฆ่าหรือเจตนาทอดทิ้งผู้ตาย (น้องชมพู่) ประกอบกับรายงานการตรวจศพผู้ตาย (น้องชมพู่) พบรอยช้ำใต้หนังศีรษะ บริเวณหน้าผากด้านซ้าย และท้ายทอย เป็นจ้ำ ๆ จึงอาจเป็นกรณีที่ผู้ตาย (น้องชมพู่) หมดสติไป ส่วนจำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่ได้ตรวจดูให้ดีเลยพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ไปทิ้งไว้บนเขาภูเหล็กไฟ...
การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวคนดัง ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีแรงจูงใจในการทำให้ตาย แต่เป็นเพราะประมาทนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเกิดคำถามอยู่ดีว่า แล้วใคร หรืออะไร ทำให้น้องชมพู่หมดสติ แล้วเหตุใดจึงต้องพาน้องขึ้นไปยังจุดนั้น ตลอดจนมีข้อสันนิษฐานมากมายบนโลกโซเชียลรวมไปถึงเรื่องราวของไสยศาสตร์ ซึ่งล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้ ส่วนทางลุงพลก็ยังคงปฏิเสธและยืนหยัดจะสู้คดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ท. เรวัช กลิ่นเกษร หรือท่านเรวัช ตั้งข้อสังเกตในรายการโหนกระแส เกี่ยวกับประเด็นแรงจูงใจของลุงพล โดยบอกว่า มีความเป็นไปได้ว่า ลุงพลเป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ จึงอาจจะเอาเด็กหญิงบริสุทธิ์ไปบูชายัญ ลุงพลนับถือพญานาค จุดที่น้องชมพู่ตายเป็นปากถ้ำ เป็นไปได้ไหมว่า ลุงพลเชื่อว่าพญานาคสิงสถิตอยู่ในนั้น ต้องพาเด็กเดินขึ้นไปเพื่อไปบูชายัญบนนั้น เพราะถ้าคิดจะเอาเด็กไปฆ่าเฉย ๆ หรือเอาไปกระทำชำเรา ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาเดินขึ้นที่สูงไปขนาดนั้น ส่วนตัวตนมองว่าเขามีเจตนาฆ่า แต่ในเมื่อมันไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานยืนยันว่าเขามีเจตนา แต่หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์มันชี้แล้วว่าลุงพลกระทำแน่ ๆ ทำให้ศาลมองว่าเป็นการกระทำโดยประมาท
ขณะที่ ทนายแก้ว กล่าวในรายการเช่นกันว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าแล้วเอาศพไปทิ้งบนเขา แต่จงใจพาเด็กขึ้นไปมากกว่า แล้วดูจากพฤติกรรมของลุงพลที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องลี้ลับสุด ๆ อันนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ภาพจาก รายการโหนกระแส
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว, เฟซบุ๊ก โหนกระแส
ภาพจาก รายการโหนกระแส
คดีน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ แห่งบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ที่หายตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2563 ก่อนจะพบศพหลังจากนั้น 3 วัน ในระยะห่างจากบ้านไปกว่า 1 กิโลเมตร บนภูเหล็กไฟ ท่ามกลางปริศนามากมายที่ยังไขคำตอบไม่ได้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วนั้น
ล่าสุด (20 ธันวาคม 2566) คดีได้เดินมาถึงไทม์ไลน์สำคัญ เมื่อศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษาจำคุก "ลุงพล" หรือนายไชย์พล วิภา ใน 2 ข้อหา ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 10 ปี และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาโดยปราศจากเหตุอันควร 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ส่วนป้าแต๋น ศาลยกฟ้อง
ภาพจาก รายการโหนกระแส
กรณีดังกล่าวสร้างความฮือฮาในสังคมอย่างมาก เพราะที่ผ่านมานั้น ลุงพล ยืนกรานความบริสุทธิ์ของตัวเองมาตลอด เขายังสะอื้นไห้ในตอนที่พบศพน้องชมพู่ อีกทั้งยังกลายเป็นคนดังและมีแฟนคลับมากมายจากข่าวน้องชมพู่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความสงสัยว่า แรงจูงใจของคดีนี้คืออะไร ??
ทั้งนี้ จากบางส่วนของคำพิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร ระบุว่า "ปัญหาต่อมาต้องวินิจฉัยว่า ขณะพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) รู้หรือไม่ว่า ผู้ตาย (น้องชมพู่) ถึงแก่ความตายแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ร่วมทั้งสอง (พ่อ-แม่ น้องชมพู่) หรือผู้ตาย (น้องชมพู่) มาก่อน จึงไม่น่าเชื่อว่า จำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) มีเจตนาฆ่าหรือเจตนาทอดทิ้งผู้ตาย (น้องชมพู่) ประกอบกับรายงานการตรวจศพผู้ตาย (น้องชมพู่) พบรอยช้ำใต้หนังศีรษะ บริเวณหน้าผากด้านซ้าย และท้ายทอย เป็นจ้ำ ๆ จึงอาจเป็นกรณีที่ผู้ตาย (น้องชมพู่) หมดสติไป ส่วนจำเลยที่ 1 (นายไชย์พล) ไม่ได้ตรวจดูให้ดีเลยพาผู้ตาย (น้องชมพู่) ไปทิ้งไว้บนเขาภูเหล็กไฟ...
การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวคนดัง ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีแรงจูงใจในการทำให้ตาย แต่เป็นเพราะประมาทนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเกิดคำถามอยู่ดีว่า แล้วใคร หรืออะไร ทำให้น้องชมพู่หมดสติ แล้วเหตุใดจึงต้องพาน้องขึ้นไปยังจุดนั้น ตลอดจนมีข้อสันนิษฐานมากมายบนโลกโซเชียลรวมไปถึงเรื่องราวของไสยศาสตร์ ซึ่งล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นนี้ ส่วนทางลุงพลก็ยังคงปฏิเสธและยืนหยัดจะสู้คดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ท. เรวัช กลิ่นเกษร หรือท่านเรวัช ตั้งข้อสังเกตในรายการโหนกระแส เกี่ยวกับประเด็นแรงจูงใจของลุงพล โดยบอกว่า มีความเป็นไปได้ว่า ลุงพลเป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ จึงอาจจะเอาเด็กหญิงบริสุทธิ์ไปบูชายัญ ลุงพลนับถือพญานาค จุดที่น้องชมพู่ตายเป็นปากถ้ำ เป็นไปได้ไหมว่า ลุงพลเชื่อว่าพญานาคสิงสถิตอยู่ในนั้น ต้องพาเด็กเดินขึ้นไปเพื่อไปบูชายัญบนนั้น เพราะถ้าคิดจะเอาเด็กไปฆ่าเฉย ๆ หรือเอาไปกระทำชำเรา ไม่มีความจำเป็นจะต้องพาเดินขึ้นที่สูงไปขนาดนั้น ส่วนตัวตนมองว่าเขามีเจตนาฆ่า แต่ในเมื่อมันไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานยืนยันว่าเขามีเจตนา แต่หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์มันชี้แล้วว่าลุงพลกระทำแน่ ๆ ทำให้ศาลมองว่าเป็นการกระทำโดยประมาท
ขณะที่ ทนายแก้ว กล่าวในรายการเช่นกันว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าแล้วเอาศพไปทิ้งบนเขา แต่จงใจพาเด็กขึ้นไปมากกว่า แล้วดูจากพฤติกรรมของลุงพลที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องลี้ลับสุด ๆ อันนี้ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ
ภาพจาก รายการโหนกระแส