นักวิทยาศาสตร์สร้างระบบโมเดล AI ที่สามารถทำนายได้ว่า คุณจะตายเมื่อไหร่ เผยเคสตัวอย่าง ความแม่นยำอยู่ในระดับที่น่าตกใจ
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เผยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเดนมาร์กและสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Life2vec หรือที่เรียกว่า โมเดลหม้อแปลง ซึ่งจะได้รับการฝึกฝนความรู้และประมวลผลผ่านการป้อนข้อมูลจำนวนมาก เพื่อผลลัพธ์ในการทำนายเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน
ตามรายงานการวิจัย ระบุว่า โมเดล Life2vec ได้รับข้อมูลจากบันทึกด้านสุขภาพและประชากรของชาวเดนมาร์กจำนวน 6 ล้านราย อาทิ เวลาเกิด สถานศึกษา การเรียน เงินเดือน ข้อมูลที่อยู่อาศัย และข้อมูลด้านสุขภาพ จากนั้นโมเดล AI ตัวนี้ก็จะถูกฝึกให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมไปถึงการทำนายว่า "ผู้คนจะเสียชีวิตเมื่อใด"
ทีมวิจัยเผยผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึง เมื่อโมเดล Life2vec แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำนายว่าผู้คนจะเสียชีวิตเมื่อใด โดยอาศัยจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ กรณีตัวอย่างคือ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีอายุระหว่าง 35-65 ปี ซึ่งครึ่งหนึ่งในนั้นเสียชีวิตไปในช่วงปี 2559-2563 โดยโมเดลนี้สามารถทำนายได้ว่า คนไหนเสียชีวิตไป และคนไหนที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยระดับความแม่นยำที่มากถึง 78 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี ศาสตราจารย์ซูเน เลห์มันน์ ยอร์เกนเซน ผู้นำทีมวิจัย
จากมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งเดนมาร์ก ได้อธิบายถึงข้อจำกัดว่า โมเดล Life2vec
ถูกฝึกฝนจากข้อมูลที่เป็นรูปแบบเฉพาะ
นั่นหมายถึงข้อมูลจากประชากรเดนมาร์กเท่านั้น
ดังนั้นผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกันสำหรับผู้คนในประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้
เขายังเน้นย้ำว่า เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อประโยชน์แก่มนุษย์
ไม่สมควรตกไปอยู่ในมือของบริษัทบางประเภท เช่น บริษัทประกันภัย
"เห็นได้ชัดว่าบริษัทประกันภัยไม่ควรใช้แบบจำลองของเรา เพราะแนวคิดทั้งหมดของการประกันภัยก็คือ การบริหารความเสี่ยง ความที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้าย ไม่ว่าจะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต หรือทำของหาย แต่เทคโนโลยีของเราดังกล่าวสามารถช่วยแบ่งเบาภาระเหล่านี้ของผู้คนได้" ศาสตราจารย์ยอร์เกนเซน กล่าว
ทั้งนี้ ทางทีมวิจัยได้ระบุว่า แม้จะมีประเด็นเรื่องจริยธรรมจากการใช้โมเดล AI ดังกล่าวนี้ แต่ก็มีข้อดีประการหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือ "การทำนายของมันสามารถช่วยให้คุณป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ กรอบการทำงานของเราจะช่วยให้นักวิจัยค้นพบกลไกที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ในชีวิต รวมไปถึงภาวะแทรกแซงต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในแต่ละบุคคล"
ปัจจุบันโมเดล Life2vec ไม่ได้เปิดให้ใช้งานโดยสาธารณะ แต่ทางทีมผู้สร้างเชื่อว่า น่าจะมีโมเดลอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงหรือคล้ายกันนี้ได้รับการพัฒนาแล้ว และกำลังถูกใช้งานโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับการฝึกฝนโมเดลเหล่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Oddity Central
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ในปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial intelligence (AI) ได้รับความนิยมและถูกนำไปปรับใช้อย่างแพร่หลายในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องการทำนายอนาคตของมนุษย์ รวมไปถึงช่วงเวลาที่พวกเขาจะเสียชีวิต โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทางทีมนักวิจัยได้พัฒนาแบบจำลอง AI ชนิดนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ และผลลัพธ์ความแม่นยำของมันก็ค่อนข้างที่จะน่าตกใจ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์อ็อดดิตี้เซ็นทรัล เผยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเดนมาร์กและสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Life2vec หรือที่เรียกว่า โมเดลหม้อแปลง ซึ่งจะได้รับการฝึกฝนความรู้และประมวลผลผ่านการป้อนข้อมูลจำนวนมาก เพื่อผลลัพธ์ในการทำนายเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน
ตามรายงานการวิจัย ระบุว่า โมเดล Life2vec ได้รับข้อมูลจากบันทึกด้านสุขภาพและประชากรของชาวเดนมาร์กจำนวน 6 ล้านราย อาทิ เวลาเกิด สถานศึกษา การเรียน เงินเดือน ข้อมูลที่อยู่อาศัย และข้อมูลด้านสุขภาพ จากนั้นโมเดล AI ตัวนี้ก็จะถูกฝึกให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต รวมไปถึงการทำนายว่า "ผู้คนจะเสียชีวิตเมื่อใด"
ทีมวิจัยเผยผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึง เมื่อโมเดล Life2vec แสดงให้เห็นศักยภาพในการทำนายว่าผู้คนจะเสียชีวิตเมื่อใด โดยอาศัยจากการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ กรณีตัวอย่างคือ กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มีอายุระหว่าง 35-65 ปี ซึ่งครึ่งหนึ่งในนั้นเสียชีวิตไปในช่วงปี 2559-2563 โดยโมเดลนี้สามารถทำนายได้ว่า คนไหนเสียชีวิตไป และคนไหนที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยระดับความแม่นยำที่มากถึง 78 เปอร์เซ็นต์
"เห็นได้ชัดว่าบริษัทประกันภัยไม่ควรใช้แบบจำลองของเรา เพราะแนวคิดทั้งหมดของการประกันภัยก็คือ การบริหารความเสี่ยง ความที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคร้าย ไม่ว่าจะประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต หรือทำของหาย แต่เทคโนโลยีของเราดังกล่าวสามารถช่วยแบ่งเบาภาระเหล่านี้ของผู้คนได้" ศาสตราจารย์ยอร์เกนเซน กล่าว
ทั้งนี้ ทางทีมวิจัยได้ระบุว่า แม้จะมีประเด็นเรื่องจริยธรรมจากการใช้โมเดล AI ดังกล่าวนี้ แต่ก็มีข้อดีประการหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือ "การทำนายของมันสามารถช่วยให้คุณป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ กรอบการทำงานของเราจะช่วยให้นักวิจัยค้นพบกลไกที่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ในชีวิต รวมไปถึงภาวะแทรกแซงต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในแต่ละบุคคล"
ปัจจุบันโมเดล Life2vec ไม่ได้เปิดให้ใช้งานโดยสาธารณะ แต่ทางทีมผู้สร้างเชื่อว่า น่าจะมีโมเดลอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงหรือคล้ายกันนี้ได้รับการพัฒนาแล้ว และกำลังถูกใช้งานโดยบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับการฝึกฝนโมเดลเหล่านั้น
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Oddity Central