ช็อก เรียกช่างมาซ่อมตู้เย็น กลับทำระเบิด บ้านพังทั้งหลัง ซัดช่างแก้ตัวทั้งที่ประมาทเอง บริษัทปัดความรับผิดชอบ หาทางสับเปลี่ยนตู้เย็น โบ้ยถ้าสงสัยให้ไปถามตำรวจ

วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยเหตุการณ์ จากการเรียกช่างจากศูนย์บริการของเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์หนึ่ง ให้เข้ามาซ่อมตู้เย็นที่บ้าน แต่สุดท้ายช่างกลับทำให้เกิดระเบิดจนสภาพภายในบ้านพังเละ ได้รับความเสียหายหนักมาก โดยช่างพยายามอ้างว่าสาเหตุเป็นเพราะมีก๊าซไช่เน่าจากระบบถังแซคที่บ้าน ทั้งที่มาจากการทำงานของช่างเอง ขณะที่ทางบริษัทยังไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ แถมยังพยายามจะหาทางนำตู้เย็นที่เกิดเหตุกลับไปด้วย

เวลาประมาณ 14.15 น. ตนมาถึงที่หมายและคุยกับเพื่อนได้สักพัน คนทางบ้านก็โทร. มาด้วยน้ำเสียงร้องไห้และตกใจมาก บอกว่าให้รีบกลับมาที่บ้าน ช่างทำอะไรไม่รู้แล้วระเบิด ที่บ้านพังหมดเลย ตนจึงรีบขับรถกลับมาที่บ้าน โดยระหว่างทางได้ขอให้ รปภ.หมู่บ้าน โทร. แจ้งตำรวจให้เข้ามาที่เกิดเหตุ
- กระจกห้องครัวแตก และกรอบประตูลอยกระเด็นมาฟาดกระจกประตูบ้านแตก
- หลังคาในส่วนครัวแตกหัก
- ฝ้าในห้องครัวแตกร้าว
- เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เสียหาย
- โต๊ะกินข้าวขาหัก
- ฝ้าในห้องนอนแตกร้าว
- ฝ้าชั้นสองแตกร้าว
- รถยนต์เสียหาย

ระหว่างรอตำรวจ ช่างอ้างว่าไฟลุกขึ้นมาจากฝาถังแซค ซึ่งอยู่ตรงทางเดินในห้องครัว ช่างพยายามให้เหตุผลว่าไฟลุกและระเบิดจากการมีก๊าซไข่เน่าออกมาจากระบบถังแซค แต่ตนชี้ว่า บ้านนี้ตนอยู่มา 3 ปี ถ้าจะเกิดระเบิดเพราะระบบถังแซคในบ้าน ช่างเข้ามาเริ่มจุดไฟเชื่อมมันก็คงระเบิดไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่นี่ช่างนั่งทำงานในห้องครัวมาเป็นชั่วโมง มีการใช้แก๊ส มีอุปกรณ์เชื่อม สาเหตุที่ระเบิดมันมาจากการทำงานของช่าง
ระหว่างนั้นช่างก็ไม่สามารถบอกข้อมูลอะไรเพิ่มเติมได้ จากนั้นทางตำรวจก็เข้ามาดูเหตุการณ์ แจ้งว่าต้องให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจที่บ้าน ซึ่งจากนั้นหน่วยพิสูจน์หลักฐานก็เข้ามาถ่ายรูปความเสียหาย รวมถึงเก็บอุปกรณ์ของช่างไปตรวจสอบ

บริษัทยังไม่รับผิดชอบ อ้างจะเปลี่ยนตู้เย็นใหม่ให้ แต่ขอเอาตู้เย็นเก่ากลับ
เจ้าของเรื่องยังชี้ด้วยว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตัวแทนจากแบรนด์ยังไม่รับผิดชอบใด ๆ เพราะช่างแจ้งไปว่าเหตุเกิดจากระบบถังแซคในบ้านของตน ซึ่งชาวเน็ตต่างก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ทางฝั่งช่างและบริษัท ชี้ว่าอย่าได้ยอมเพราะเป็นความประมาทของช่าง แค่นำแก๊สมาเชื่อมในบ้านโดยไม่มีเซฟตี้ก็ผิดมากแล้ว
ต่อมาเจ้าของเรื่องเผยว่า ทางตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์ตู้เย็น ได้แจ้งกับตนว่าจะนำเครื่องใหม่รุ่นใกล้เคียงกันมาเปลี่ยนให้ เนื่องจากรุ่นที่ตนใช้ไม่มีจำหน่ายแล้ว จากนั้นในวันที่ 4 ธันวาคม ตนจึงเข้าไปติดต่อกับทางบริษัทที่สำนักงาน เจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องการเปลี่ยนตู้เย็น โดยแจ้งว่าจะติดต่อกลับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาวันที่ 8 ธันวาคม แจ้งว่าจะนำตู้เย็นใหม่มาเปลี่ยนให้ โดยขอรับตู้เย็นเครื่องเก่ากลับไปด้วย ตนจึงตอบไปว่า "ขอให้สิ้นสุดการสอบสวนหรือเสร็จเรื่องคดีก่อนแล้วค่อยมารับกลับไป เพราะอาจจะต้องตรวจหลักฐานอะไรเพิ่มเติม" แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ต้องรับเครื่องกลับเลยเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้
ด้วยความไม่พอใจ ตนจึงตอบกลับไปว่า ทางบริษัทไม่ได้แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตน เหมือนว่าต้องการปกปิดหรือเล่นเกมอะไรสักอย่าง และปฏิเสธการเปลี่ยนตู้เย็นไป

บริษัทตื้อขอเปลี่ยนตู้เย็นอีกรอบ ลั่นสงสัยอะไรให้ถามตำรวจ
จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม ทางบริษัทก็โทร. มาแจ้งเหมือนเดิมว่า ต้องนำเครื่องเก่ากลับไปด้วยเท่านั้น ถึงจะนำเครื่องใหม่มาเปลี่ยนให้ได้ แต่เมื่อถามว่าทำไมต้องนำเครื่องเก่ากลับทันที เจ้าหน้าหน้าที่กลับบอกเพียงว่า หากสังสัยเรื่องนี้ให้ติดต่อกับตำรวจที่สอบสวนเรื่องนี้
น้ำยาตู้เย็นติดไฟได้ แต่ทำไมช่างยังประมาท
ทั้งนี้ เจ้าของเรื่องยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า น้ำยาตู้เย็นที่บ้านตนเป็นรุ่นที่ติดไฟได้ และยังมีสติ๊กเกอร์แปะอย่างชัดเจน แต่ช่างจากแบรนด์ก็ยังเลือกที่จะทำงานซ่อมในบ้าน และเปิดประตูไว้ระหว่างทำงาน
นอกจากนี้พอเกิดเรื่องขึ้น จนถึงตอนนี้บริษัทก็ยังไม่รับผิดชอบอะไรเลย และยังพยายามจะรีบเอาเครื่องใหม่มาเปลี่ยน และขอรับเครื่องที่เกิดเหตุกลับไปด้วย โดยบอกว่าถ้าตนสงสัยก็ให้ไปถามตำรวจ
