x close

โรงเรียนยอมถอย ยกเลิกการเป่านกหวีดดูเด็ก ชาวเน็ตเซ็ง โรงเรียนอยู่ 30 ปี หมู่บ้านมาทีหลัง

         ดราม่าระหว่างโรงเรียนกับหมู่บ้าน เมื่อต้องทนกับเสียงนกหวีดเป่าตอนเช้าจัดการจราจรให้นักเรียน คนงงโรงเรียนอยู่มา 30 ปี หมู่บ้านอยู่มา 5 ปี ตอนซื้อทำไมไม่เช็ก สุดท้ายโรงเรียนยอมถอย

          กลายเป็นดราม่าร้อนระหว่างโรงเรียนกับหมู่บ้านที่มีคนพักอาศัย เมื่อเฟซบุ๊ก Chindanai Meekornngam มีการโพสต์เล่าถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งในฐานะอดีตประธานนักเรียนว่า โรงเรียนของตนเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนามานานกว่า 30 ปี ผลิตเด็กนักเรียนมีคุณภาพนับไม่ถ้วน ฝ่ายบริหาร ครู ดูแลนักเรียนอย่างดีมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนที่เดินทางออกจากบ้านมาโรงเรียน


          สิ่งแรกที่ทำ คือ การป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแก่นักเรียนตอนมาโรงเรียน ดังนั้น โรงเรียนจึงให้ครูเป่านกหวีดจัดการการจราจรว่า รถควรไปตอนไหน ควรหยุดตอนไหน เป็นสิ่งที่โรงเรียนทำดีและทำถูก ทว่าทุกวันนี้บรรยากาศรอบโรงเรียนเปลี่ยนไป จากเดิมที่อยู่กลางทุ่งนาก็มีหมู่บ้านขึ้นกันเต็มไปหมด ทำให้หมู่บ้านมีอิทธิพลต่อการดำเนินการของโรงเรียนมากขึ้น จนมีคนมาร้องเรียนว่า โรงเรียนสร้างเสียงรบกวนตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ตนจึงอยากขอให้คนที่ร้องเรียนหยุดเรียกร้องประโยชน์ส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน เพราะก่อนที่จะซื้อบ้าน คุณน่าจะทราบดีว่า มีโรงเรียนอยู่ก่อนแล้ว


เผยภาพเทียบกับจะจะ 5 ปีผ่านไปจากทุ่งนากลายเป็นหมู่บ้านล้อมโรงเรียน


          ต่อมา เฟซบุ๊ก Theeraphat Sirirat มีการโพสต์ภาพมุมสูงของโรงเรียนในปี 2561 เทียบกับปัจจุบัน พบความแตกต่างคือ ปี 2561 โรงเรียนอยู่กลางทุ่งนาสีเขียวจริง ๆ แทบอยู่โดด ๆ ห่างไกลชุมชน แต่ผ่านไป 6 ปี สถานการณ์พลิกผัน กลายเป็นมีหมู่บ้านมาล้อมรอบโรงเรียนมากมาย แทบชิดติดขอบรั้ว

          ทั้งนี้ ทางเจ้าตัวก็ระบุว่า ความปลอดภัยหน้าโรงเรียนต้องมีเป็นอันดับแรก และขอให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันอย่างลงตัวจนมาอยู่ตรงกลาง จะได้อยู่กันอย่างมีความสุข

          ส่วนคอมเมนต์ก็มองว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนก็ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้ามาของหมู่บ้านเหมือนกัน โดยเฉพาะการก่อสร้าง รวมถึงปัญหาการจราจรต่าง ๆ อีกอย่างหนึ่งคือ มันเป็นหน้าที่คนซื้อที่ต้องเช็กให้ดีว่า สภาพแวดล้อมตรงนั้นเป็นอย่างไร

โรงเรียนยอมลดการใช้นกหวีด เปลี่ยนเป็นใช้ธงแทน

          

          ล่าสุด วันที่ 27 ธันวาคม 2566 เฟซบุ๊ก งานประชาสัมพันธ์ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เบญจมราชาลัย มีการโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตามที่นิติบุคคลหมู่บ้านรับแจ้งจากผู้พักอาศัยเรื่องเสียงนกหวีดที่เกิดจากการอำนวยความสะดวกให้กับรถยนต์ที่สัญจรไปมาช่วงเวลา 06.00-07.30 น. แม้การอำนวยความสะดวกนี้จะอยู่นอกเหนืออำนาจและหน้าที่ของโรงเรียนก็ตาม แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่นักเรียนเดินทางมาจำนวนมาก และถนนบริเวณรอบโรงเรียนมี 3 ทางแยกใกล้เคียงกัน นักเรียนก็เดินทางมาจากหลายทิศทาง

          ทั้งนี้ มีนักเรียนจำนวนมากที่ต้องข้ามถนนเพื่อเข้าโรงเรียนในช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน จึงสุ่มเสี่ยงกับการเกิดอันตรายต่อนักเรียนหน้าโรงเรียน ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้โรงเรียนต้องจัดครูมาดูแลความปลอดภัยโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ


          อย่างไรก็ตาม การอยู่ร่วมกันระหว่างโรงเรียนและชุมชนโดยปราศจากความขัดแย้งก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมและพัฒนาโรงเรียนและนักเรียนที่อยู่ในชุมชน โรงเรียนจึงแจ้งปรับการเป่านกหวีดเป็นใช้สัญญาณมือหรือธงสีในการอำนวยความสะดวก จะใช้นกหวีดเท่าที่จำเป็นตามสถานการณ์เท่านั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับนักเรียนและผู้สัญจรต่อไป

          จากคำแถลงของโรงเรียน มีแนวคิดหลากหลาย บางคนก็เห็นด้วยกับทางโรงเรียนที่ปรับมาเป็นการใช้ธง แต่บางคนก็ยืนยันหลักการเดิมคือ ใช้นกหวีดเหมือนเดิม เพราะโรงเรียนไม่ได้ใช้นกหวีดทั้งวัน และธงกับสัญญาณมือไม่น่าจะป้องกันความปลอดภัยได้เพียงพอ รวมถึงเหตุผลที่ว่าคนในหมู่บ้านมาทีหลัง อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนคิดเหมือนกันคือ ให้กำลังใจโรงเรียน

หมู่บ้านเจ้าปัญหา

หมู่บ้านเจ้าปัญหา
 หมู่บ้านเจ้าปัญหา


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรงเรียนยอมถอย ยกเลิกการเป่านกหวีดดูเด็ก ชาวเน็ตเซ็ง โรงเรียนอยู่ 30 ปี หมู่บ้านมาทีหลัง อัปเดตล่าสุด 27 ธันวาคม 2566 เวลา 10:42:23 20,264 อ่าน
TOP