ลูกสาว นิกกี้ขยี้ข่าว เล่าความโหดของแม่ เอาปืนจี้เรียกเงินพ่อ 2 ล้าน เพื่อไปเปย์บาร์โฮสต์

          ทันทีที่เด็กทั้ง 2 ได้เจอกลุ่มเป็นหนึ่ง ลูกสาวก็ร้องไห้และสวมกอดอ้อ ชลิดา พะละมาตย์ เจ้าของมูลนิธิ พร้อมเล่าว่า ตนกับน้องเป็นลูกสาวของนิกกี้ แต่คนละพ่อ โดยพ่อของน้องสาวเป็นชาวต่างชาติ มีฐานะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนถูกแม่ทำร้ายร่างกายและใช้น้องเป็นที่รองรับอารมณ์ บางครั้งก็ทำรุนแรงกับลูกเพื่อข่มขู่สามี เรียกเงินค่าดูแลหลายแสนบาทต่อเดือน มีครั้งหนึ่งขอ 2 ล้านบาท สามีสงสารก็ยอมส่งเงินให้

          ตนถูกแม่ทำร้ายร่างกายแต่เด็ก และถูกใช้เป็นเครื่องมือข่มขู่พ่อน้องสาวที่มีฐานะอยู่เป็นประจำ พอได้เงินมา กลับนำเงินไปเลี้ยงบาร์โฮส เงินหมดก็ขอใหม่จนพ่อเลี้ยงเลิกส่งเงินไปช่วงหนึ่ง
          นอกจากนี้ ยังมีคลิปความยาว 3 วินาที มีผู้หญิงคนหนึ่งถือมีดอีโต้ คาดว่าเป็นนิกกี้ พยายามพังประตู เนื่องจากลูกล็อกห้อง ทำให้หญิงในคลิปไม่พอใจ พังห้องเข้ามาแล้วก็เป็นไปตามคลิป อีกทั้งยังมีแชตข้อความที่มีลักษณะการข่มขู่ มีการทำลายหนังสือเดินทางที่เป็นหลักฐานจะมาใช้ยื่นกับพนักงานสอบสวนด้วย

          สำหรับในแชต มีการลงรูปทำลายหนังสือเดินทางชัดเจน แล้วมีข้อความข่มขู่ว่า ทำแบบนี้จะมีปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะไม่ได้ไปแข่งที่ภูเก็ต บางประโยคก็มีพาดพิงสามีว่า เงินมันสำคัญกว่าอนาคตลูก ก็ให้มันกอดเงินไว้ กูไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าจะลงนรก ก็ลงนรกด้วยกัน
          ระหว่างที่พาเด็กไปแจ้งความ นิกกี้ก็โทรศัพท์มาหา เด็กทั้ง 2 คนก็อยู่ในอาการหวาดกลัว ลูกสาวคนโต เล่าเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาถูกแม่ทำร้ายร่างกายมาตลอด ทั้งใช้มือตี ไม้แขวนเสื้อตี ปลั๊กไฟ ทำลายพาสปอร์ต บางทีตอนแม่ดีก็ดีมาก ตอนร้ายก็ร้ายกาจ ตนพยายามให้เวลาแม่ เผื่อแม่จะคิดได้ แต่พอคิดไม่ได้ ตนจึงต้องออกมาในวันนี้ ต้องการจะหลุดพ้นจากแม่ ต้องการความช่วยเหลือ เพราะตนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถทำพาสปอร์ตได้เลย

          ด้านอ้อ ชลิดา เปิดเผยว่า นิกกี้บอกตนว่าปั่นหัวเด็ก แต่ความจริงคือ ตนไม่ได้รู้จักกับเด็กเลย อยากจะมาช่วยเหลือเด็กจริง ๆ ไม่ได้ปั่นอะไร นิกกี้บอกว่า เป็นแม่เด็ก ตีลูกได้ แต่เขาไม่รู้เรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก อีกอย่างหนึ่งคือ น้องก็เคยขอความช่วยเหลือจากคนอื่นมาแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้