เภสัชท้อ พ่อเส้นเลือดแตก รักษาไม่ทันจนอัมพาตครึ่งซีก สืบแล้วคดีพลิก คนไข้จะมากราดยิง รพ.


          เภสัชกรสุดท้อ พ่อเส้นเลือดในสมองแตก ควรได้รับยาสลายลิ่มเลือด ตอนนั้นตัดสินใจผิดเอาพ่อเข้าโรงพยาบาลรัฐ กลายเป็นพ่อได้อยู่เฉย ๆ จนอาการแย่ ก่อนมาสืบอีกทีคดีพลิกหนักมาก

โวยโรงพยาบาล
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

          วันที่ 23 มกราคม 2567 บนโลกออนไลน์กำลังมีดราม่าชิ้นใหญ่ หลังจากที่ X @AerthH ได้ออกมาเล่าเรื่องของเภสัชกรคนหนึ่ง ที่มีคุณพ่อเป็นโรคเส้นเลือดในสมองเฉียบพลัน และต้องเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที แต่ปรากฏว่าในวันนั้นหมอไม่เข้าเวร และทำให้คุณพ่อของเธอกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก

เภสัชกร เผยประสบการณ์คุณพ่อเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง พาเข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐ แต่กลับเอาไปดูอาการ จนสุดท้ายพ่อเป็นอัมพาตครึ่งซีก


          ทั้งนี้ ได้มีเภสัชกรคนหนึ่ง ออกมาเผยว่า เธอเป็นเภสัชกรทำงานอยู่ที่ กทม. ครอบครัวอยู่ที่ร้อยเอ็ด วันหนึ่งคุณพ่อของเธอมีอาการสโตรก หรือเป็นโรคหลอดเลือดสมอง คุณพ่อลิ้นแข็งและพูดไม่ได้ประมาณ 15-30 นาที ตอนนั้นเธอก็บอกให้คุณพ่อรีบไปโรงพยาบาล หากไปถึงใน 270 นาทีและเข้ารับการรักษา อาการจะไม่เป็นหนัก ส่วนเธอก็พยายามหาตั๋วเครื่องบินเพื่อไปหาคุณพ่อทันที แต่หาไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจให้คนขับรถขับรถจาก กทม. ไปที่ร้อยเอ็ด ใช้เวลาทั้งหมด 6 ชม. ก็ถึงบ้าน

          ทั้งนี้ สิ่งที่เธอต้องการคือ ให้พ่อขับรถไปที่ รพ. ร้อยเอ็ด เนื่องจากคิดว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่น่าจะมียาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) และเธอก็พร้อมที่จะจ่ายเงิน แต่กลายเป็นว่านี่คือการตัดสินใจที่ผิด เพราะมันไม่ได้สำคัญที่ยา แต่สำคัญที่ว่าหมอจะมาตรวจหรือไม่ เนื่องจากเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลไม่มีสตาฟฟ์ และเอาคุณพ่อใส่ Stroke Unit ด้านพยาบาลก็ให้คุณพ่อรอข้ามวันข้ามคืน

          จากนั้น เธอจึงเรียกพี่น้องอีกคนมาจากอุบลฯ ตอนเที่ยงคืน และเมื่อซักถามอาการจึงทำให้ทราบว่า NIHSS หรือคะแนนโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน = 2 ซึ่งหมายความว่า ตอนนี้คุณพ่อไม่รู้สึกตัว ต้องกระตุ้นซ้ำหรือทำให้เจ็บ และพบว่าในวันนั้น อายุรแพทย์ระบบประสาทไม่ได้เข้ามาโรงพยาบาล จนนำไปสู่การประเมินคนไข้ผิดพลาด และคิดว่าคนไข้มีภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ แต่กว่าจะเข้า CT Scan เสร็จ ให้ยาก ก็เกินไกด์ไลน์ 270 นาที และทำให้คุณพ่อกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกด้านขวา

          ในตอนนั้น เธอไปเฝ้าพ่อได้เยี่ยมครั้งละ 10 นาที วันละ 2 ครั้ง นอกนั้นนั่งรอข้างนอกตลอด 5 วัน พยาบาลตะเพิดตนลงจากตึกทุกวัน ตนใส่นาฬิกาเรือนละล้าน เสื้อตัวละหมื่น และทุกคนได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกันจริง ๆ และจากวันนั้น เธอก็ไม่เคยอยากกลับจังหวัดร้อยเอ็ดอีกเลย

          เธอเผยว่าจวบจนวันนี้ผ่านมา 2 ปี เธอโทษตัวเองมาตลอด ในตอนนั้นเธอมีเงินในบัญชี 8 หลัก แต่เธอกลับไม่ตัดสินใจส่งพ่อด้วยเครื่องบินเข้าโรงพยาบาลใน กทม. และพบว่า อายุรแพทย์ระบบประสาทท่านนั้นมีเพียงคนเดียวในโรงพยาบาล และมีปัญหาสมรส จนไม่สามารถมาปฏิบัติงานได้ ท่านทราบหรือไม่ว่าการที่ท่านไม่มาดูคนไข้ 1 คน และพยาบาลที่ Stroke Unit ไม่สนใจคนไข้ จนทำให้ครอบครัวหนึ่งมีแต่ความเศร้า

          หากย้อนเวลาได้ เธออยากกลับไปตัดสินใจใหม่ ให้พ่อขับรถเข้าไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนในขอนแก่น จะหมดกี่สิบล้านก็ยอม และขอฝากถึงผู้บริหารโรงพยาบาลด้วย ที่เธอไม่ดำเนินคดีทางกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีศักยภาพ แต่เพราะเธอเคารพในการตัดสินใจของพ่อ ถ้าโรงพยาบาลรักษาพ่อดี เธอพร้อมที่จะบริจาคเงินให้ Stroke Unit เท่ากับอัตราค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลของประเทศไทย คุณพ่อมักพูดเสมอว่า ท่านเป็นข้าราชการ โรงพยาบาลรัฐจะดูแลท่านอย่างดี

          ด้านคุณพ่อปกติอยู่ที่ กทม. แต่ช่วงปีใหม่ขอกลับไปรดน้ำต้นไม้ที่ร้อยเอ็ด และนับตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ คุณพ่อก็ไม่ได้กลับ กทม. อีกเลย

โวยโรงพยาบาล
ภาพจาก X @AerthH

โวยโรงพยาบาล
ภาพจาก X @AerthH

เผยแชตอีกด้าน คนไข้ข่มขู่หมอ บอกจะเอาปืนมายิงพ่อหมอ - กราดยิง รพ. ลูกรู้ดีแต่ไม่ห้ามพ่อ


          อย่างไรก็ตาม ต่อมาใน X @LittleBirbMame ได้ปรากฏแชตของหมอที่พูดว่า อาจารย์ด้านอายุรแพทย์ระบบประสาทท่านนั้น ได้ทำระบบของเรื่องคนไข้สโตรกให้ทั้งจังหวัด และจากที่ฟังดู ก็ต้องยอมรับว่าถ้าคนไข้อยู่ กทม. น่าจะได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แต่ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ เราเป็นหมอก็เสียใจเพราะสุดวิสัยเช่นกัน

          ทั้งนี้ พบว่า โรงพยาบาลร้อยเอ็ดมีอายุรแพทย์ระบบประสาทเพียงท่านเดียว และไม่ได้เข้าเวรวันนั้น และภายหลังพบว่า คุณพ่อของคนไข้ได้เดินไปหาหมอที่คลินิก เอาปืนไปขู่ และมาโรงพยาบาลก็มาขู่ถึงห้องตรวจ ลูกสาว (เภสัชกรคนต้นเรื่อง) แม้จะรับรู้แต่ก็ไม่ทำอะไร

          ด้านคนไข้ได้มาข่มขู่ว่า จะจ้างมือปืนมายิงหมอ จะขับรถชนหมอ แล้วจะมากราดยิงที่โรงพยาบาลรวมถึง ผอ. ด้วย ตอนนั้น ผอ. เลยไปคุยกับคนไข้ และคนไข้บอกว่าต้องให้หมอไปขอโทษที่บ้าน เลยตัดสินใจไปให้จบ ๆ ทั้งที่คิดว่า จริง ๆ หมอก็ไม่ได้อยู่เวรวันนั้น แต่ถ้าจะลดความรุนแรงให้ได้ ขอโทษให้ได้ ถ้าสุดท้ายเขาไม่พอใจ เรื่องก็ไม่จบ

โวยโรงพยาบาล
ภาพจาก X @LittleBirbMame

          ล่าสุดคนไข้มาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอก และต้องการเรียกเงินจากหมอ 2 ล้านบาท และต้องเป็นเงินจากหมอท่านนี้เท่านั้น เวลาที่มาตรวจ ก็ขอให้เป็นหมอท่านนี้มาตรวจเท่านั้น ล่าสุดคือ ถ้าหมอไม่ให้ (เงินชดเชย) จะให้ลูกน้องไปคุยกับพ่อหมอที่ กทม. และเคยมีการข่มขู่ว่าจะให้คนไปยิงพ่อหมอ

          การที่โรงพยาบาลเฉย ยอมถูกกระทำ ทั้งที่การรักษาเป็นไปตามมาตรฐาน ตั้งแต่ที่พบว่า คนไข้ขับรถมาเองได้ แล้วมาแย่เพราะเป็น Progressive Stroke ในอีกวัน ซึ่งไม่มีข้อบ่งชี้ให้ใช้ยาละลายลิ่มเลือด แบบนี้ก็น่าน้อยใจ ที่ให้หมอที่เป็นด่านหน้าต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้

โวยโรงพยาบาล
ภาพจาก X @LittleBirbMame

พบความจริง คุณหมอเองทำตามไกด์ไลน์ - ใครจะไปดูออก ใส่นาฬิกาเรือนละล้าน


          อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบพบว่า ทางคนไข้นั้นสามารถมาที่โรงพยาบาลเองได้ และต่อให้ คะแนนโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน = 2 ก็ไม่น่าให้ยาละลายลิ่มเลือด และในความเป็นจริง ยาละลายลิ่มเลือด  เป็นยาฟรี แต่กลัวว่าจะมีผลข้างเคียงกับคนไข้ และการที่เธอบอกว่าใส่นาฬิกาเดือนละล้าน เสื้อตัวละหมื่นนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอใส่นาฬิกากี่บาท เธอเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ยิ่งต้องเข้าใจระบบการทำงานของโรงพยาบาลรัฐ แบบนี้จะไปโทษหมอได้เหรอ

โวยโรงพยาบาล
ภาพจาก X @LittleBirbMame




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เภสัชท้อ พ่อเส้นเลือดแตก รักษาไม่ทันจนอัมพาตครึ่งซีก สืบแล้วคดีพลิก คนไข้จะมากราดยิง รพ. อัปเดตล่าสุด 23 มกราคม 2567 เวลา 10:54:45 45,816 อ่าน
TOP
x close