ส่งรถเข้าอู่ ได้คืนอีกทีสภาพพังยับ เช็กกล้องเจอต้นตอ ลูกเจ้าของอู่พาไปซิ่งจนชน

          ส่งรถเข้าอู่ ได้คืนอีกทีสภาพพังยับ เช็กกล้องเจอลูกเจ้าของอู่แอบพาไปซิ่งจนชน เดือดทางอู่ปัดรับผิดชอบซ้ำข่มขู่ จากนี้ใช้กฎหมายพูดกัน


          วันที่ 30 มกราคม 2567 เว็บไซต์ The Vibes รายงานว่า เจ้าของรถคันหนึ่งถึงคราวเดือด หลังนำรถเข้าศูนย์ไปซ่อมแต่กลับได้รถคืนในสภาพยับเยิน เสียหายหนักจนนำไปขับต่อไม่ได้ และแม้จะจับได้ว่าเป็นฝีมือลูกเจ้าของอู่ที่แอบนำรถออกไปซิ่งจนเกิดอุบัติเหตุ แต่ทางอู่กลับไม่แสดงความรับผิดชอบ ซ้ำยังใช้คำพูดข่มขู่และเหยียดตนเองอีกต่างหาก

          เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กของ แมค เซียห์ ชายสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว โดยเล่าว่าความเจ็บปวดของเขาเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ตอนที่เขานำรถไปซ่อมระบบกันสะเทือน แร็กพวงมาลัย และยางบูซ ที่อู่แห่งหนึ่งในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

          โดยเขาซื้อรถคันนี้ในประเทศมาเลเซีย และเคยนำรถเข้าอู่มาแล้วในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จนกระทั่งช่างเครื่องที่เคยดูแลรถของเขา แนะนำให้เขานำรถไปเข้าอู่อีกแห่งซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหม่ของตัวเอง เขาจึงนำรถมาซ่อมที่อู่นี้ตามคำแนะนำ พร้อมย้ำกับคนในอู่ว่าไม่อนุญาตให้ใครนำรถของเขาไปใช้

          แต่กลายเป็นว่าสุดท้าย แมคกลับได้ทราบข่าวร้ายว่ารถของเขาถูกชนจนสภาพเละ ช่วงหน้ารถได้รับความเสียหายหนักมาก ซึ่งเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องหน้ารถเขาก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าลูกชายเจ้าของอู่แอบนำรถของเขาไปขับเล่นมาหลายวันแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อนุญาต กล้องยังจับภาพได้ด้วยว่ารถถูกนำไปซิ่งด้วยความเร็วกว่า 134 กม./ชม.


          "เขานำรถไปซิ่งหลายครั้งตอนกลางคืน แถมยังรับเพื่อนขึ้นมาบนรถด้วย กระทั่งเวลา 20.52 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน เขาก็เอารถผมไปชนอย่างรุนแรง" แมค ระบุ

          ภาพจากกล้องหน้ารถจับช่วงเวลาที่รถถูกชนได้เต็ม ๆ กลายเป็นหลักฐานมัดแน่น เดิมทีแมคก็ต้องการเคลียร์เรื่องนี้กับทางอู่แบบเงียบ ๆ แต่เจ้าของอู่กลับลากเรื่องไปอีกถึง 3 สัปดาห์ ก่อนที่เจ้าของอู่จะติดต่อมาขอพบเขาแบบตัวต่อตัว

          เมื่อเจ้าของรถยอมมาพบ คู่กรณีทั้งพ่อลูกปฏิเสธที่จะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง แถมเจ้าของอู่ยังกล่าวดูถูกเหยียดเชื้อชาติเจ้าของรถ รวมถึงขู่ว่า "รอดูก่อนเถอะแก"

          ในเวลาต่อมา เจ้าของอู่ก็ได้ติดต่อมาบอกแมคว่าได้ลากรถออกมาจากที่เกิดเหตุและเริ่มซ่อมรถแล้ว ทั้ง ๆ ที่เจ้าของรถยังไม่อนุญาต ซ้ำยังถามเขาด้วยว่า "คุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้ ?"


          สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เสียหายสับสนหนักและไม่พอใจมาก สุดท้ายเขาตัดสินใจส่งรถคันนี้ไปให้อู่แห่งอื่นประเมินความเสียหาย และโชคร้ายที่ทางอู่แจ้งว่ารถคันนี้ไม่ปลอดภัยพอจะนำไปขับอีก

          ทั้งนี้ แมคตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์บนโลกออนไลน์ รวมถึงเตือนลงกลุ่มชุมชนรถในมาเลเซีย เพื่อให้คนอื่น ๆ ระมัดระวังหากคิดจะส่งรถไปยังอู่เจ้าปัญหา พร้อมย้ำว่าหลังจากนี้เขาเตรียมจะใช้ช่องทางกฎหมายเล่นงาน โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนและทนาย เพื่อให้เจ้าของอู่พ่อลูกผู้ก่อเหตุรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น





ขอบคุณข้อมูลจาก The Vibes