ร้านบุฟเฟต์ โอดลูกค้าขโมยอาหาร ตั้งใจห่อกลับบ้าน ถึงขั้นเตรียมกระดาษมาเอง ซัดผิดกฎหมาย หยุดเถอะพฤติกรรมนี้ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็คือขโมย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์ต่อเนื่อง กรณีลูกค้าร้านบุฟเฟต์แอบขโมยอาหารกลับบ้าน ทั้งที่แต่ละร้านมีกฎห้ามชัดเจน แต่ก็ยังมีผู้ที่ลักลอบทำอยู่เรื่อย ๆ ขณะที่ล่าสุด (3 กุมภาพันธ์ 2567) ร้านบุฟเฟต์แห่งหนึ่งได้ออกมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก กลุ่มคนรักบุฟเฟต์ (Buffet Lovers) สุดทนกับลูกค้าที่ตั้งใจสั่งอาหารมาเพื่อแอบห่อกลับบ้าน โดยถึงขั้นเตรียมกระดาษมาห่อเอง
จากโพสต์ของทางร้าน ได้เผยภาพจากกล้องวงจรปิดในร้าน พร้อมระบุว่า "หากคุณเจอลูกค้ามากินบุฟเฟต์ สั่งของ แล้วไม่กิน แต่สั่งมาเพื่อขโมยของกลับบ้านคุณจะทำยังไงกัน เขาขโมยไม่เยอะหรอกเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อยากให้คุณลูกค้าในกล้อง อย่าไปทำแบบนี้กับร้านอื่น ๆ อีกนะคะ
ถ้าสั่งมากินไม่หมด เหลือเล็กน้อย เราไม่ปรับหรอกคะ แต่ตั้งใจ
สั่งมาเพื่อแอบห่อกลับบ้าน เรารับไม่ได้จริง ๆ
ร้านเรามีกล้องวงจรปิดทุกมุม และเราเห็นคุณทำตั้งแต่ในร้านแล้ว
แต่เรากลัวคุณอายลูกค้าท่านอื่น ๆ ในร้าน เราเลยเลือกที่จะปล่อยคุณกลับไป
กล้องวงจรปิดชัด เห็นทุกขั้นตอนที่คุณทำ
และอย่างน้อย คุณอยู่ในกลุ่มนี้ เราเบลอหน้าคุณไว้ เราหวังว่าคุณจะเห็นตัวเองในโพสต์นี้ คุณคงจะรู้สึกกับการกระทำของคุณบ้างนะคะ อันนี้ เราเตือนเบา ๆ นะคะ เลยปิดหน้าตาคุณไว้ โชคดีนะคะ ที่คุณเจอร้านเรา ถ้าคุณไปเจอร้านอื่น เค้าอาจจะไม่ยอมคุณก็ได้ #ขโมยเล็กน้อย อย่าไปทำเลยคะ มันหน้าอาย #เราเป็นเจ้าของร้าน เรายังอายที่จะทักคุณเลย"
พร้อมกันนั้นทางร้านยังชี้ว่า ลูกค้ามีพฤติกรรม กินอิ่มแล้วแต่สั่งอาหารมาจานใหม่ นั่งรออาหารเพื่อตั้งใจห่อกลับ เตรียมกระดาษมาห่อของก่อนที่จะเสิร์ฟด้วย เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็ทยอยหยิบห่อเอากลับบ้าน ซึ่งทางร้านรับไม่ได้ จริง ๆ ของไม่ได้เยอะอะไร แต่ตนอยากเตือนสติคนทำว่านี่คือการขโมย มันผิดกฎหมาย เขาจะได้รู้สึกละอายบ้างว่าไม่ควรทำแบบนี้ที่ไหน
โพสต์ดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก โดยหลายคนเข้าใจหัวอกเจ้าของร้าน มองว่าไม่ว่าลูกค้าจะหยิบอาหารไปมากหรือน้อย พฤติกรรมแบบชี้ก็เข้าข่ายการขโมย ขณะเดียวกันมีหลายคนแสดงความกังวล เรื่องที่ทางร้านนำภาพของลูกค้ามาเปิดเผยลงกลุ่มแบบนี้ ซึ่งดูขัดแย้งกับการที่บอกว่าไม่อยากให้ลูกค้าอับอาย บางคนยังสงสัยว่าทำไมไม่เตือนตั้งแต่ในร้าน
ด้วยเหตุนี้ ต่อมาทางร้านจึงชี้แจงเพิ่มว่า ทางร้านต้องรอบคอบและมีวิธีการจัดการในแบบตัวเอง ทางร้านรู้ว่าลูกค้าอยู่ในกลุ่มนี้เพราะมีเฟซลูกค้า ส่วนที่ไม่เตือนในร้านเพราะกลัวทำให้เสียบรรยากาศต่อลูกค้าโต๊ะอื่น อีกทั้งไม่รู้ว่าลูกค้าจะมีการโวยวาย เสียงดัง หรือมีเหตุทะเลาะกันหรือไม่หากเข้าไปตักเตือนเลย เพราะไม่ได้รู้จักนิสัยลูกค้า บางคนอาจจะอายแล้วขอโทษ แต่ถ้าเจอลูกค้าโต้เถียง ว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด่าร้าน เสียงดัง ลูกค้าคนอื่นในร้านจะรู้สึกยังไง
ทางร้านต้องไล่กล้องวงจรปิดจนมีหลักฐานชัด ๆ ก่อนกล่าวหาอยู่แล้ว แต่การไปตักเตือนลูกค้าเลย ก็ต้องทำให้อายทุกคนแน่นอน ร้านจึงอยากจัดการแบบให้โอกาส โดยมีการปิดหน้าลูกค้าก่อนนำมาโพสต์ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นตัวเอง จะได้เกิดความละอาย โดยไม่ต้องอายคนอื่นเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร
นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อคิดแก่คนที่คิดจะทำแบบเดียวกัน ให้รู้ว่าจะของกี่ชิ้นก็ไม่สมควรขโมย เพราะคนเขาทำธุรกิจ ยืนยันว่าไม่ใช่เหตุการณ์ที่ลูกค้าห่อกลับเพราะกินเหลือแล้วกลัวถูกปรับ แต่ลูกค้าสั่งอาหาร รออาหาร ทวงและตามอาหาร เตรียมกระดาษไว้รอ พอของมาเสิร์ฟก็แกล้งกัดเล็กน้อยแล้วทยอยเอาอาหารมาห่อใต้โต๊ะ ชัดเจนว่ามีเจตนา
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
จากโพสต์ของทางร้าน ได้เผยภาพจากกล้องวงจรปิดในร้าน พร้อมระบุว่า "หากคุณเจอลูกค้ามากินบุฟเฟต์ สั่งของ แล้วไม่กิน แต่สั่งมาเพื่อขโมยของกลับบ้านคุณจะทำยังไงกัน เขาขโมยไม่เยอะหรอกเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่อยากให้คุณลูกค้าในกล้อง อย่าไปทำแบบนี้กับร้านอื่น ๆ อีกนะคะ
และอย่างน้อย คุณอยู่ในกลุ่มนี้ เราเบลอหน้าคุณไว้ เราหวังว่าคุณจะเห็นตัวเองในโพสต์นี้ คุณคงจะรู้สึกกับการกระทำของคุณบ้างนะคะ อันนี้ เราเตือนเบา ๆ นะคะ เลยปิดหน้าตาคุณไว้ โชคดีนะคะ ที่คุณเจอร้านเรา ถ้าคุณไปเจอร้านอื่น เค้าอาจจะไม่ยอมคุณก็ได้ #ขโมยเล็กน้อย อย่าไปทำเลยคะ มันหน้าอาย #เราเป็นเจ้าของร้าน เรายังอายที่จะทักคุณเลย"
พร้อมกันนั้นทางร้านยังชี้ว่า ลูกค้ามีพฤติกรรม กินอิ่มแล้วแต่สั่งอาหารมาจานใหม่ นั่งรออาหารเพื่อตั้งใจห่อกลับ เตรียมกระดาษมาห่อของก่อนที่จะเสิร์ฟด้วย เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็ทยอยหยิบห่อเอากลับบ้าน ซึ่งทางร้านรับไม่ได้ จริง ๆ ของไม่ได้เยอะอะไร แต่ตนอยากเตือนสติคนทำว่านี่คือการขโมย มันผิดกฎหมาย เขาจะได้รู้สึกละอายบ้างว่าไม่ควรทำแบบนี้ที่ไหน
โพสต์ดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก โดยหลายคนเข้าใจหัวอกเจ้าของร้าน มองว่าไม่ว่าลูกค้าจะหยิบอาหารไปมากหรือน้อย พฤติกรรมแบบชี้ก็เข้าข่ายการขโมย ขณะเดียวกันมีหลายคนแสดงความกังวล เรื่องที่ทางร้านนำภาพของลูกค้ามาเปิดเผยลงกลุ่มแบบนี้ ซึ่งดูขัดแย้งกับการที่บอกว่าไม่อยากให้ลูกค้าอับอาย บางคนยังสงสัยว่าทำไมไม่เตือนตั้งแต่ในร้าน
ด้วยเหตุนี้ ต่อมาทางร้านจึงชี้แจงเพิ่มว่า ทางร้านต้องรอบคอบและมีวิธีการจัดการในแบบตัวเอง ทางร้านรู้ว่าลูกค้าอยู่ในกลุ่มนี้เพราะมีเฟซลูกค้า ส่วนที่ไม่เตือนในร้านเพราะกลัวทำให้เสียบรรยากาศต่อลูกค้าโต๊ะอื่น อีกทั้งไม่รู้ว่าลูกค้าจะมีการโวยวาย เสียงดัง หรือมีเหตุทะเลาะกันหรือไม่หากเข้าไปตักเตือนเลย เพราะไม่ได้รู้จักนิสัยลูกค้า บางคนอาจจะอายแล้วขอโทษ แต่ถ้าเจอลูกค้าโต้เถียง ว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด่าร้าน เสียงดัง ลูกค้าคนอื่นในร้านจะรู้สึกยังไง
ทางร้านต้องไล่กล้องวงจรปิดจนมีหลักฐานชัด ๆ ก่อนกล่าวหาอยู่แล้ว แต่การไปตักเตือนลูกค้าเลย ก็ต้องทำให้อายทุกคนแน่นอน ร้านจึงอยากจัดการแบบให้โอกาส โดยมีการปิดหน้าลูกค้าก่อนนำมาโพสต์ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นตัวเอง จะได้เกิดความละอาย โดยไม่ต้องอายคนอื่นเพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร
นอกจากนี้ยังจะเป็นข้อคิดแก่คนที่คิดจะทำแบบเดียวกัน ให้รู้ว่าจะของกี่ชิ้นก็ไม่สมควรขโมย เพราะคนเขาทำธุรกิจ ยืนยันว่าไม่ใช่เหตุการณ์ที่ลูกค้าห่อกลับเพราะกินเหลือแล้วกลัวถูกปรับ แต่ลูกค้าสั่งอาหาร รออาหาร ทวงและตามอาหาร เตรียมกระดาษไว้รอ พอของมาเสิร์ฟก็แกล้งกัดเล็กน้อยแล้วทยอยเอาอาหารมาห่อใต้โต๊ะ ชัดเจนว่ามีเจตนา