อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉกลไกดูดเงินเหยื่ออย่างไร โดยไม่ต้องติดแอปฯ แค่คุย 2 นาที

          หนุ่มไทยหนีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉพฤติกรรมมิจฉาชีพของแก๊งสุดไฮเทค โทร. ลวงเหยื่อคุยข้อมูลส่วนตัว 2 นาที ดูดเงินได้จนเกลี้ยงบัญชี โดยไม่ต้องติดตั้งแอปฯ ไม่ต้องกดอะไร ต้องหายอดให้คนจีนให้ได้วันละ 150 ล้านบาท !



          วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ที่เพิ่งหลบหนีออกมาได้ ออกมาแฉพฤติกรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้พัฒนาเทคโนโลยีสามารถดูดเงินจากแอปฯ ธนาคารในมือถือของเหยื่อ โดยที่เหยื่อไม่ต้องกดลิงก์ หรือ โหลดแอปฯ เพียงแค่เหยื่อพูดคุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพียง แค่ 2 นาที ก็สามารถดูดเงินออกจากบัญชีของเหยื่อจนหมดได้

         อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เล่าว่า เมื่อช่วงเดือนมกราคม ตนถูกผู้หญิงที่รู้จักกัน ติดต่อให้ไปทำงานกาสิโนถูกกฎหมายที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยโอนเงินมาให้ 2,000 บาท เป็นค่าเดินทางไปที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อข้ามฝั่งไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อตนไปถึงจึงรู้ว่าไปทำงานเป็นแก๊งคอนเซ็นเตอร์ ตนจึงต้องจำใจทำงาน เพราะไม่มีทางเลือก


         สถานที่ทำงานถูกคนจีนสร้างไว้หลายตึกจนเป็นเหมือนอาณาจักร แต่ละตึก มีรั้วลวดหนามล้อมรอบสูงถึง 4 เมตร ส่วนอุปกรณ์ที่เห็นมี เครื่องดูดเงิน 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 4 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 120 ล้านบาท สามารถดูดเงินได้ 70 บัญชีต่อวัน โดยมีคนจีนเป็นผู้ควบคุมเครื่อง วิธีการใช้งานไม่ซับซ้อน แค่โทรศัพท์ไปหาเหยื่อซึ่งเป็นคนไทย จากนั้นให้เหยื่อยืนยันรายละเอียดส่วนตัว เช่น ชื่อ และนามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด, ภูมิลำเนา, บ้านเลขที่ และเลขบัญชีธนาคาร ส่วนตนจะทำหน้าที่แนะนำตัวกับเหยื่อว่าเป็นพนักงานจากหน่วยงานของรัฐบาล โดยจะชวนเหยื่อคุยไปเรื่อย ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวให้ครบ 2 นาที




         จากนั้นตนจะส่งเสียงไปให้คนจีน ใช้เครื่องดูดเงินแฮกเงินในบัญชีธนาคารของเหยื่อจนหมดบัญชี ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่ จะเป็นข้าราชการระดับสูง, ข้าราชการเกษียณ และนักธุรกิจคนไทยที่มีเงินในบัญชี 2 ล้านขึ้นไป โดยข้อมูลของเหยื่อจะซื้อมาจากธนาคารของรัฐบาล โดยจะซื้ออยู่ที่ 10 ล้านบาท ต่อ 1,600 รายชื่อ ซึ่งตนจะต้องโทร. หาเหยื่อตามรายชื่อ เพื่อหายอดให้คนจีน ให้ได้วันละ 150 ล้านบาท ต่อวัน ซึ่งตนได้รับเงินเดือน เดือนละ 30,000 บาท ค่าคอมมิชชั่น ล้านละ 15,000 บาท


         ต่อมาตนได้ตัดสินใจหนีออกมา โดยใช้ผ้านวมพาดไปยังรั้วลวดหนามและขึ้นไปยังชั้น 5 เพื่อกระโดดข้ามรั้วออกมา จากนั้นตนเรียกรถ 3 ล้อ ไปส่งที่หน้าด่านอรัญประเทศ และขอยืมโทรศัพท์คนขับรถสามล้อ โทร. ไปขอยืมเงินจากผู้คุมซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน มาจ่ายค่ารถและค่าข้ามประเทศโดยมุดเข้าช่องทางธรรมชาติ จำนวน 3,000 บาท


         ด้าน นายเอกภพ ฝากไปยังหน่วยงานภาครัฐและทางธนาคารว่าอย่าทำแบบนี้กับคนไทยด้วยกัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะถอนเงินจากธนาคารตามแนวชายแดนทุกวันเป็นจำนวนมาก แต่ทำไมธนาคารถึงไม่สงสัย หรือมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือไม่

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อดีตแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉกลไกดูดเงินเหยื่ออย่างไร โดยไม่ต้องติดแอปฯ แค่คุย 2 นาที อัปเดตล่าสุด 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11:52:19 83,396 อ่าน
TOP
x close