แพทย์หญิงแฉ ฝรั่งชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของปางช้างภูเก็ต ปรี่เตะหลัง หลังนั่งริมหาด ซ้ำอึ้งคำพูดเหยียดคนไทย ด้าน เดวิดยัน ไม่ได้ตั้งใจแค่สะดุดบันไดเท้าไปโดนหลัง
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกชายต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างถีบหลัง ขณะนั่งบันไดชมจันทร์หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งบริเวณชายหาดภูเก็ต แถมยังถูกหญิงไทยซึ่งเป็นภรรยาของฝรั่งคนดังกล่าวด่ากราด อ้างมีตำรวจยศใหญ่คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง
โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. ตนไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกันที่ร้าน Taste Yamu หลังกินเสร็จ ก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อย เนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย ตอนเดินไปที่หาดกับเพื่อน เจอพี่ยามคนหนึ่งถามว่า มาดูดวงจันทร์ใช่ไหม เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา (ฟูลมูน) เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอย ครับ แล้วเดินจากเราไป ตนกับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาด ที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ในขณะที่ตนนั่งอยู่ รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้นพลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวิดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด ตนกับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยาม บนป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า "พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย" พี่ยามก็ตกใจ และพาเราไปยังหน้าวิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ฝรั่งคนนั้น แสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้น ภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้น เรากับเพื่อนแอบดีใจ เพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
แต่ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูด ถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตั๊นไป เพราะเธอบอกว่า "นี่อี_อกสองตัวนี้ มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึงรู้ไหม ต่อให้พวกกูยิงพวกมึงตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมึงเข้าคุกให้ได้ กูจะโทร. หาท่านรองเดี๋ยวนี้" จากนั้น เธอก็โทร. หาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่า ให้ส่งตำรวจมา ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง
หลังจากที่ตำรวจมาคุย ตนก็บอกกับตำรวจว่า ตนถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็พูดกับเราว่า "อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหม ฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึงนั่งหน้าบ้านกู" เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้น ตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้ มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตนเป็นคนบุกรุก มีโทษหนักกว่า ต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ ตนได้ยินก็ช็อก ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า พ.ต.อ. นิกร ชูทอง ผกก.สภ.ถลาง เปิดเผยว่า
กรณีนี้ตำรวจไม่ได้สนิทสนมกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตามที่มีการกล่าวอ้าง
ในวันเกิดเหตุ ก็มีการเจรจา และสายตรวจได้เสนอแนวทางไกล่เกลี่ย
แต่ทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ จึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย
และแจ้งความเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และในเช้าวันนี้ (29 กุมภาพันธ์)
พนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำคุณหมอ ผู้เสียหาย
รวมทั้งรวบรวมเอกสารใบตรวจร่างกาย และหลักฐานที่ผู้เสียหายมี
เพื่อประกอบสำนวนคดี
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า รู้จักกับนายตำรวจยศใหญ่ในพื้นที่ สามารถเคลียร์เรื่องได้นั้น ยืนยันว่า คู่กรณีไม่ได้รู้จักกับตำรวจรายใดเป็นพิเศษ คู่กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว อาจจะรู้จักตำรวจที่อื่นเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับตนเองนั้นไม่รู้จัก เพราะเพิ่งย้ายมาประจำการที่ สภ.ถลาง
ด้าน เพจ โหดจัง จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยคลิปที่ เดวิด ชาวต่างชาติคู่กรณี เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อเข้าพบตำรวจ ยืนยันไม่ได้ถีบ โดยบอกว่า เดวิดสะดุดล้มบันได ทำให้ส่วนเท้าไปโดนคุณหมอ ซึ่งเดวิดก็เสียใจ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ แต่ขอเก็บไว้ก่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดย เดวิด เผยว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาภายในพื้นที่ส่วนบุคคล จึงระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ นายเกษม พ่อของแพทย์หญิง เผยว่า ทางลูกสาวยืนยันว่า จะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศสภาพหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ ในขณะที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทยด้วยกัน เหตุที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากคำพูดที่ว่า "คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย" จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ส่วนประเด็นที่คู่กรณี ที่ออกมาบอกว่า ไม่ได้เตะแต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้อาจตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโตน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก และมีรอยแผลกลางหลัง แต่น่าจะล้มไปทั้งตัว และหากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน แบบหยาบคาย ว่า อี_อก และเหยียดว่า คนพื้นถิ่น-พื้นเมือง และอ้างว่า รู้จักกับ นายตำรวจยศใหญ่ ตอนนี้จิตใจของลูกสาวยังมีความระแวงและกังวล แต่ก็ตั้งใจจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจของเธอ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ X @RedSkullxxx เปิดเผยว่า ฝั่งคุณหมอที่โดนเจ้าของปางช้างชาวต่างชาติทำร้ายแถมโดนเมียมันด่าและข่มขู่ เห็นว่าวันนี้จะมาออกโหนกระแส เข้าไปอ่านคอมเมนต์คนในพื้นที่บอกวีรกรรมไอ้ผัวเมียปางช้างคู่นี้คนแถวนั้นรู้จักดี เอือมระอากันทั้งนั้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ฝากตรวจสอบเรื่องที่ดิน ใบอนุญาต และเส้นทางการเงินหน่อยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกชายต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างถีบหลัง ขณะนั่งบันไดชมจันทร์หน้าวิลล่าแห่งหนึ่งบริเวณชายหาดภูเก็ต แถมยังถูกหญิงไทยซึ่งเป็นภรรยาของฝรั่งคนดังกล่าวด่ากราด อ้างมีตำรวจยศใหญ่คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง
โพสต์ดังกล่าว ระบุว่า เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. ตนไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกันที่ร้าน Taste Yamu หลังกินเสร็จ ก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อย เนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย ตอนเดินไปที่หาดกับเพื่อน เจอพี่ยามคนหนึ่งถามว่า มาดูดวงจันทร์ใช่ไหม เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา (ฟูลมูน) เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอย ครับ แล้วเดินจากเราไป ตนกับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาด ที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ในขณะที่ตนนั่งอยู่ รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้นพลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวิดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด ตนกับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยาม บนป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า "พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย" พี่ยามก็ตกใจ และพาเราไปยังหน้าวิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ฝรั่งคนนั้น แสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้น ภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้น เรากับเพื่อนแอบดีใจ เพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
แต่ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูด ถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตั๊นไป เพราะเธอบอกว่า "นี่อี_อกสองตัวนี้ มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึงรู้ไหม ต่อให้พวกกูยิงพวกมึงตาย กูก็ไม่ผิด เพราะลูกกูเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต กูจะเอาพวกมึงเข้าคุกให้ได้ กูจะโทร. หาท่านรองเดี๋ยวนี้" จากนั้น เธอก็โทร. หาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่า ให้ส่งตำรวจมา ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง
หลังจากที่ตำรวจมาคุย ตนก็บอกกับตำรวจว่า ตนถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็พูดกับเราว่า "อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้ไหม ฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึงนั่งหน้าบ้านกู" เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้น ตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้ มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตนเป็นคนบุกรุก มีโทษหนักกว่า ต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ ตนได้ยินก็ช็อก ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก
เธอจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ หรือ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นบอกว่า เธอขอโทษฝรั่งได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษตน และตนจะต้องติดคุก หลังจากนั้น ตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง หลังจากแจ้งความ ตนได้ทราบชื่อของชาวต่างชาติคนนี้ ซึ่งทำให้ช็อกมาก เพราะชายคนนี้เป็นชาวสวิส เป็นเจ้าของมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือช้าง ที่เคลมว่าจะปกป้องดูแลช้าง และไม่ทำร้ายช้าง แต่เขาทำร้ายผู้หญิงค่ะ ! รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วย เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่า มีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง
ตำรวจชี้ เมียฝรั่งไม่ได้รู้จักกับตำรวจใหญ่ ชี้เรื่องนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า รู้จักกับนายตำรวจยศใหญ่ในพื้นที่ สามารถเคลียร์เรื่องได้นั้น ยืนยันว่า คู่กรณีไม่ได้รู้จักกับตำรวจรายใดเป็นพิเศษ คู่กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว อาจจะรู้จักตำรวจที่อื่นเป็นการส่วนตัว แต่สำหรับตนเองนั้นไม่รู้จัก เพราะเพิ่งย้ายมาประจำการที่ สภ.ถลาง
เดวิด เจ้าของปางช้าง ยืนยันไม่ได้ถีบ พ่อหมอมาถาม ไม่ได้ถีบยังไง คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย
ด้าน เพจ โหดจัง จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยคลิปที่ เดวิด ชาวต่างชาติคู่กรณี เดินทางมาพร้อมทนายความเพื่อเข้าพบตำรวจ ยืนยันไม่ได้ถีบ โดยบอกว่า เดวิดสะดุดล้มบันได ทำให้ส่วนเท้าไปโดนคุณหมอ ซึ่งเดวิดก็เสียใจ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ และไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ แต่ขอเก็บไว้ก่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดย เดวิด เผยว่า ก่อนหน้านี้เคยถูกบุคคลภายนอกบุกรุกเข้ามาภายในพื้นที่ส่วนบุคคล จึงระแวงว่าจะเกิดเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ นายเกษม พ่อของแพทย์หญิง เผยว่า ทางลูกสาวยืนยันว่า จะฟ้องศาลว่าถูกทำร้ายร่างกาย และจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี ที่ถูกเหยียดหยามเรื่องเพศสภาพหญิงไทย รวมทั้งไม่อยากให้คนไทยที่มาอยู่ภูเก็ต หรือคนภูเก็ต เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกับเธอ ในขณะที่เดินอยู่บริเวณชายหาดสาธารณะ และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการดูแลคนไทยในภูเก็ต แม้กระแสการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะบูมขึ้น แต่ไม่ควรจะละเลยคนไทยด้วยกัน เหตุที่ต้องดำเนินการเช่นนี้ เนื่องจากคำพูดที่ว่า "คนไทยขอโทษต่างชาติได้ แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษคนไทย" จึงทำให้ลูกสาวรู้สึกว่า จะต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด
ส่วนประเด็นที่คู่กรณี ที่ออกมาบอกว่า ไม่ได้เตะแต่เป็นการล้มใส่ ซึ่งประเด็นนี้อาจตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นการล้มใส่ของคนที่ตัวโตน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม น่าจะไม่ใช่แค่จุก และมีรอยแผลกลางหลัง แต่น่าจะล้มไปทั้งตัว และหากล้มใส่จริง มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปด่าลูกสาวของตน และเพื่อนที่ไปด้วยกัน แบบหยาบคาย ว่า อี_อก และเหยียดว่า คนพื้นถิ่น-พื้นเมือง และอ้างว่า รู้จักกับ นายตำรวจยศใหญ่ ตอนนี้จิตใจของลูกสาวยังมีความระแวงและกังวล แต่ก็ตั้งใจจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ซึ่งทางครอบครัวก็เคารพสิทธิและการตัดสินใจของเธอ
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ X @RedSkullxxx เปิดเผยว่า ฝั่งคุณหมอที่โดนเจ้าของปางช้างชาวต่างชาติทำร้ายแถมโดนเมียมันด่าและข่มขู่ เห็นว่าวันนี้จะมาออกโหนกระแส เข้าไปอ่านคอมเมนต์คนในพื้นที่บอกวีรกรรมไอ้ผัวเมียปางช้างคู่นี้คนแถวนั้นรู้จักดี เอือมระอากันทั้งนั้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ฝากตรวจสอบเรื่องที่ดิน ใบอนุญาต และเส้นทางการเงินหน่อยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้