x close

ฮาวทูเป็นเศรษฐี ตอนอายุ 30 เก็บเงินเดือนละ 1,000 สู่วันนี้มีเงินหลักสิบล้าน ทำได้ไม่ยากเลย

                 หนุ่มเผยประสบการณ์ จากคนไม่มีทุนในชีวิต ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาท ต้องกู้ กยศ. สู่การเก็บเงินในวัย 30 ปี แบบเงินต่อเงิน ในวันนี้มีครบทั้งพอร์ตหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร ได้ปันผลปีละ 40,000 บาท ทำได้ไง บอกหมดที่นี่

ออมเงิน

            คนเราเกิดมามีต้นทุนที่ไม่เท่ากัน บางคนเกิดมาก็สุขสบาย หาเงินได้ไม่ยาก ในขณะที่บางคนเกิดมาก็ลำบาก ทำอะไรก็ติดลบไปเสียหมด ทว่า แม้โชคชะตาจะไม่เป็นใจ แต่ชีวิตของเรา เราสามารถกำหนดเส้นทางเดินเองได้ ด้วยการวางแผน การมีวินัย และหมั่นขยันหาความรู้ เฉกเช่นกับล่าสุดที่คุณ สมาชิกหมายเลข 916001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ออกมาเผยว่า เขาเองเป็นคนที่มีต้นทุนน้อย ไม่มีโอกาสในชีวิตเหมือนคนอื่น และการหาโอกาสต่าง ๆ ในชีวิตก็หายาก แต่ทุกการเริ่มต้นไม่มีคำว่าสายเกินไป

ชีวิตแสนลำบาก ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาท - กู้ กยศ. แต่ทุกอุปสรรคคือการสอน ให้รู้จักวางแผนการเงิน 


             ตอนที่เขาเรียนโรงเรียนประถมศึกษานั้น  ตนได้เงินไปเรียนแค่วัน 2-3 บาท ถ้าวันไหนได้ 5 บาทถือว่าได้เยอะมาก บ้านกับโรงเรียนห่างกันประมาณ 1 กม. ตอนเรียนก็เดินไปเรียน แต่พอโตขึ้นก็ได้จักรยานเก่า ๆ ของญาติมาใช้ขี่ไปเรียน เมื่อเรียนชั้นมัธยมต้น ตนก็เรียนที่โรงเรียนประจำตำบลที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 4-5 กม. ตอนนั้นตนยังปั่นจักรยานไปเรียนทั้ง ๆ ที่เพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียนกัน ตอนนั้นที่บ้านตนมีมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ 1 คัน แต่ตนอายที่จะขี่ไปเรียน จึงให้พ่อเก็บไว้ใช้ บางวันก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเรียนแต่ตนไม่กล้าที่จะจอดในโรงเรียน ต้องจอดไว้บ้านเพื่อนแล้วเดินไป เงินไปโรงเรียนยังได้ 5 บาท ข้าวกลางวันตนก็ห่อไปกิน หากวันไหนไม่มีกับข้าวก็จะซื้อขนมปังยาวที่ใส่กับไอศกรีม กินกับนมเย็นเพื่อประทังความหิว

             เมื่อเรียน ปวช. ตนก็กู้เงิน กยศ. ได้เงินเดือนละ 1,500 บาท อยู่หอพักกับเพื่อน 2 คน เสียค่าหอ 500 บาท เหลือเงินใช้เดือนละ 1,000 บาท ต้องใช้วันละ 33 บาท กินข้าวราดแกงร้านประจำถุงละ 10 บาท บางครั้งซื้อมาแบ่งกิน 2 มื้อ และต้องมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดห้องไว้ตลอด บางครั้งแบ่งต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 1 ห่อ 2 ครั้งก็มี

             เมื่อมาเรียนมหาวิทยาลัย ตนได้เงิน กยศ. เพิ่มเป็น 4,000 บาท แม้เงินจะเพิ่มขึ้นแต่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นมา ตนพอมีเงินกินข้าวแกงในมหาวิทยาลัย บริหารเงินในงบ 4,000 บาทให้รอดในแต่ละเดือน เงินซื้อคอมพิวเตอร์ก็ต้องเก็บเงินซื้อเครื่องมือสองเอง ซึ่งที่ได้คือคอมพิวเตอร์เก่า ๆ ที่พอใช้พิมพ์งานได้เท่านั้น

             เมื่อตนทำงาน ตนมีรายได้ ก็มีรายจ่ายเหมือนกัน ทั้งเพื่อตัวเองเช่น ผ่อนรถ กินใช้ ค่าใช้จ่ายทั่วไป หรือเงินใช้จ่ายเพื่อครอบครัว ให้พ่อแม่ ส่งน้องเรียน ซึ่งชีวิตที่ผ่านมานั้น ได้สอนให้ตนรู้จักวางแผนการเงิน และบริหารเงินเพื่อความอยู่รอด กว่าจะเริ่มมีเงินเก็บคือตอนอายุ 30 ปี

ออมเงิน

ออมเงิน

ออมเงิน

ออมเงิน

ออมเงิน

สอนวิธีเก็บเงิน แบบเงินต่อเงิน ทุนไม่หาย - ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ วันนี้มีแล้วครบทุกอย่าง


              วิธีการเก็บเงินนั้น ตนแบ่งเงินเดือน 10% เข้าบัญชีออมทรัพย์แบบปลอดภาษี 24 เดือน เพื่อให้มีเงินฝากแต่ละเดือนเท่า ๆ กัน ไม่จำเป็นก็ห้ามถอน และการฝากประจำตนก็ได้ดอกเบี้ยสูงกว่าทั่วไป เมื่อฝากเงินครบกำหนดแล้ว ก็เปิดบัญชีฝากประจำแบบเดิม แต่เอาเงินมาฝากวนต่อทำให้เงินเพิ่มทบต้นทบดอกไปเรื่อย ๆ

            - ตอนที่อายุ 30 ปี ตนฝากเงิน 1,000 บาท 24 เดือน เมื่อครบ 24 เดือนตนจะได้เงิน 24,000 บาท

            - ตอนที่อายุ 32 ปี ตนฝากเงิน 1,000 (เงินเดิมจากการฝากประจำคราวที่แล้ว) +1,500 บาท (เงินใหม่)  เมื่อครบ 24 เดือนตนจะได้เงิน 60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

            - ตอนที่อายุ 34 ปี ตนฝากเงิน 2,500 (เงินเดิมจากการฝากประจำคราวที่แล้ว) +2,000 บาท (เงินใหม่)  เมื่อครบ 24 เดือนตนจะได้เงิน 108,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
      
               อีกข้อหนึ่งที่คือ การเพิ่มรายได้ และลดรายจ่าย ซึ่งแม้ว่าเงินเดือนของตนจะเพิ่มขึ้น แต่ยังมีไลฟ์สไตล์แบบเดิม โดยมีวิธีคิดง่าย ๆ เช่น

              - หากตอนอายุ 30 ปี ได้เงินเดือน 20,000 บาท ตนฝากเงิน 2,000 บาท กำหนดให้ตัวเองเหลือใช้ประมาณ 18,000 บาท

              - เมื่อตอนอายุ 34 ปี ตนเงินเดือน 30,000 บาท แต่ยังประหยัด และกำหนดให้ตัวเองเหลือใช้ประมาณ 20,000 บาท ดังนั้นตนจะมีเงินเก็บเพิ่มในแต่ละเดือน 10,000 บาท

              - ดังนั้น ตอนที่อายุ 34 ปี ตนจะมีเงินฝาก 2,500 บาท (เงินเดิมที่จากการฝากประจำก่อนหน้านี้) + 10,000 บาท เมื่อครบ 2 ปีตนจะมีเงิน 300,000 บาท

             เมื่อได้เงินก้อนใหญ่มา ตนก็เอาไปลงทุนมากกว่าการฝากธนาคาร สมัยนั้นมีกองทุน LTF ให้ถือครอง 3 ปี ตนก็ซื้อกองทุนโดยค่อย ๆ ซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่น

                 ปีที่ 1 : 20,000 บาท
                 ปีที่ 2 : 30,000 บาท
                 ปีที่ 3 : 40,000 บาท
                 ปีที่ 4 : 50,000 บาท + 20,000 บาทที่ได้จากการขายกองทุนที่ซื้อในปีแรก
                 ปีที่ 5 : 50,000 บาท + 30,000 บาท ที่ได้จากการขายกองทุนที่ซื้อในปีที่ 2

             ในปัจจุบัน ตนมีพอร์ตหุ้น กองทุน หุ้นกู้ พันธบัตร คอรโด ที่ดินที่ซื้อไว้พักผ่อนช่วงเสาร์-อาทิตย์ และตนปั้นพอร์ตได้ปันผลปีละ 40,000 บาท ซึ่งเป้าหมายคือปันผลครอบคลุมค่าใช้จ่าย และไม่ไกลเกินฝัน

             "ตอนนี้ถือว่าตัวเองสำเร็จเกินคาดมาเยอะพอสมควร   
             ล้านแรกยากเสมอ แต่ล้านต่อไปไวเหมือนโกหก  พอร์ต 8 หลักคงอยู่ไม่ไกล  
             หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่อยากเริ่มเก็บเงิน   
             เป้าหมายตอนนี้คืออยากมีให้มาก เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนอื่นได้มากขึ้น  
             ชีวิตนี้คงอยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคม  มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากกว่าจะทำเพื่อแค่ตัวเอง"

ออมเงิน



ออมเงิน

             ทั้งนี้ หลายคนได้ชื่นชมเจ้าของกระทู้อย่างมาก กับความมีวินัย วิริยะอุตสาหะ และการวางแผนชีวิต ที่ทำให้ในวันนี้ เขามีเงินล้านและพอร์ตลงทุนที่เกือบถึง 8 หลัก ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ยืนยันว่า ทุกการเริ่มต้น ไม่มีคำว่าสายเกินไป

ออมเงิน

ออมเงิน

ออมเงิน


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฮาวทูเป็นเศรษฐี ตอนอายุ 30 เก็บเงินเดือนละ 1,000 สู่วันนี้มีเงินหลักสิบล้าน ทำได้ไม่ยากเลย อัปเดตล่าสุด 8 มีนาคม 2567 เวลา 17:50:26 30,286 อ่าน
TOP