ชายเคนยาอ้างตัวเป็น พระเยซู ถึงกับเผ่นหลังโดนท้า ตรึงกางเขน พิสูจน์จะฟื้นไหม

       ชายเคนยาอ้างตัวเป็นพระเยซู เจอชาวบ้านท้าพิสูจน์ จับตรึงกางเขน สุดท้ายต้องเผ่นไปสถานีตำรวจ แม้คนมอง ถ้าเป็นตัวจริงไม่เป็นต้องกลัว แค่ 3 วันก็คืนชีพ

         ใกล้เข้ามาอีกครั้งสำหรับวันอีสเตอร์ วันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ชีพ ตามความเชื่อของชาวคริสต์ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม 2567 หลายคนก็คงนึกถึงภาพการเฉลิมฉลองต่าง ๆ แต่หนึ่งในสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจไม่แพ้กัน ก็คือชะตากรรมของ เอลิอุด สิมิยู (Eliud Simiyu) ชายเคนยาผู้อ้างตัวว่าเป็น พระเยซู ที่เคยถูกชาวบ้านขู่ว่าจะจับตรึงกางเขน เพื่อท้าพิสูจน์ว่าจะสามารถฟื้นคืนชีพได้แบบพระเยซูตัวจริงหรือไม่

         รายงานจาก ไนโรบีนิวส์ เผยว่า ภายในเมืองตองเกอเรน ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ของเคนยา ชายที่ชื่อ เอลิอุด สิมิยู ได้อ้างตัวว่าเป็นพระเยซูและตั้งตนเป็นผู้นำศาสนาในท้องถิ่น จนเป็นที่โด่งดังและมีคนรู้จักในฐานะ "พระเยซูแห่งตองเกอเรน"

         แต่แม้จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ติดตามเขาด้วยความศรัทธา ก็ใช่ว่าทุกคนจะให้การยอมรับ มีผู้คนมากมายที่วิพากษ์วิจารณ์เขา และเคยขอให้ทางตำรวจตรวจสอบกิจกรรมของบลัทธิมาแล้ว


         อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เอลิอุดร้อนรนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาถึง เมื่อกลุ่มชาวบ้านในท้องที่ แสดงความต้องการที่จะจับเอลิอุดมาตรึงกางเขนในวันอีสเตอร์ ปี 2566 เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันชัด ๆ ว่าชายคนนี้เป็นบุตรของพระเจ้าตัวจริงหรือไม่ โดยอิงข้อมูลจากคัมภีร์ไบเบิล ที่ว่าเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์หลังถูกตรึงกางเขน ก็จะฟื้นคืนชีพในอีก 3 วันให้หลัง ดังนั้น ถ้าเขาเป็นพระเยซูตัวจริง ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว

         แต่กลายเป็นว่าท่ามกลางกระแสความกดดันที่เกิดขึ้น เอลิอุดตัดสินใจหนีไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด เพื่อขอให้ช่วยคุ้มครองในช่วงการฉลองเทศกาลอีสเตอร์



         ในขณะที่ผู้ติดตามของเอลิอุดพากันออกมารวมตัว ยืนยันว่าเขาเป็นพระเยซูจริง ๆ และจะฟื้นคืนชีพในวันที่ 3 แต่กระแสสังคมยังคงโจมตีว่าเขาเป็นเพียงแค่พวกต้มตุ๋นหลอกลวงและเป็นภัยต่อสังคม

         แต่เอลิอุดยังคงให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น อ้างว่า เขาเป็นพระเยซูตัวจริงและมาที่นี่เพื่อช่วยโลก ก่อนที่ต่อมาเขาจะให้สัมภาษณ์กับ เดอะ สแตนดาร์ด ชี้ว่า ตนได้ยินคนในหมู่บ้านกล่าวกันว่าตนควรถูกตรึงกางเขนเหมือนพระเยซู บางคนถึงขั้นถือค้อนและตะปูขนาด 6 นิ้วมาถึงบ้านของตนด้วย แต่ตนก็สวดภาวนาทำคนเหล่านั้นเปลี่ยนใจและยอมกลับไปทันที


         เอลิอุดยังอ้างต่ออีกว่า เขามีหลักฐานตามการตีความของพระคัมภีร์ว่าวันอีสเตอร์นั้น จริง ๆ แล้วควรเฉลิมฉลองในเดือนกรกฎาคม แต่เขาก็จะใช้เวลาในช่วงที่คนอื่น ๆ ฉลองอีสเตอร์ ด้วยการอดอาหาร ทำมิสซา และสอนพระคัมภีร์ต่อไป
 
         อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เอลิอุดสามารถหนีการตรึงกางเขนของชาวบ้านมาได้ในปีที่ผ่านมา ก็เป็นที่น่าจับตาว่าในวันอีสเตอร์ของปีนี้ เขาจะตกเป็นเป้าของกลุ่มคนที่ต้องการท้าพิสูจน์ด้วยการจับเขามาตรึงกางเขนอีกหรือไม่
 

ขอบคุณข้อมูลจาก The Fatu Network, Nairobi News, The Standard, Chronicle