แม่โดนร่างทรงล้างสมอง อ้างเป็นวิญญาณผัว กักขังไว้ 10 ปี สูบเงินกว่า 10 ล้าน ลูกจะช่วยก็ไม่ได้

           วันที่ 4 เมษายน 256 รายการข่าวเย็นช่องวัน ช่องวัน31 รายงานเรื่องราวของลูก ๆ แจ้งตำรวจให้เข้าช่วยเหลือคุณแม่ที่มีอาการป่วยจิตเวชถูกร่างทรงล้างสมอง กักขังอยู่ในบ้านของร่างทรงนานนับ 13 ปี ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้เจอแม่ คาดว่าอีกฝ่ายนั้นทำไปเพราะหวังผลประโยชน์ เนื่องจากแม่มีเงินบำนาญ และทรัพย์สมบัติ เชื่อว่าถูกดูดเงินไปกว่า 10 ล้านบาท


           แม่ซึ่งอาศัยอยู่บ้านร่างทรง อ้างว่า หลังจากสามีเสียชีวิต คุณกชกร เจ้าของบ้านบอกว่าเป็นร่างทรงของสามี ที่เชื่อเพราะการพูดของอีกฝ่ายเหมือนกับสามีที่เสียชีวิตไป ตนจึงตัดสินใจมาอยู่บ้านหลังนี้กับเขา ยืนยันว่าไม่ได้ถูกหลอก ตนอยู่บ้านนี้มีความสุขดี เจ้าของบ้านดูแลดี ไม่อยากกลับบ้านไปอยู่กับลูกแล้ว ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าร่างทรงและสามีของเขาเป็นเหมือนคนในครอบครัว เหมือนลูกบุญธรรม ไม่เข้าใจว่าลูกจะพาตำรวจมารบกวนทำไม

           ช่วงหนึ่งแม่พูดว่า จะมาอาศัยท้องเราเกิด เราให้เธอเกิดมาแล้ว แต่เราก็รู้แล้วว่าเธอเป็นอะไร ที่ผ่านมาไม่ได้เจอลูกนานแล้ว และก็ไม่อยากเจอด้วย ถือว่าจบแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ถูกบ้านหลังนี้หน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อสมบัติ
ร่างทรงเปิดใจ ช่วยแม่ออกจากโรงพยาบาลบ้า ด้านลูกชี้ แม่ยกทรัพย์สินให้ร่างทรง โดนสูบนับสิบล้าน

           ด้าน ร่างทรง เปิดใจว่า ก่อนหน้านี้ป้าถูกกลุ่มพี่น้องลักพาตัวไปอยู่ที่โรงพยาบาลบ้า ตนเองไม่ได้หน่วงเหนี่ยวกักขัง แต่เป็นคนไปช่วยคุณป้ามาจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำ ป้าออกมาก็ขอมาอยู่อาศัยที่นี่เอง จากนี้เตรียมให้ทนายความมาต่อสู้

           มีรายงานว่าจากหลักฐานนั้น สองสามี-ภรรยา เข้าข่ายหน่วงเหนี่ยวกักขัง หลังพบว่ามีการนำเงินของคุณป้าออกจากบัญชี ตอนนี้อยู่ระหว่างรอออกหมายเรียก

           ด้านเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่า สามี-ภรรยาบ้านนี้เป็นข้าราชการ แต่ฝ่ายชายเกษียณแล้ว ทั้งคู่ไม่ชอบพูดคุยกับใคร นุ่งขาวห่มขาว ส่วนคุณป้าที่มาอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวก็ดูพูดจาฉะฉาน ไม่เหมือนว่าเป็นคนสติไม่ดี ดูแข็งแรงดี เหมือนว่าเต็มใจจะอยู่บ้านหลังนี้
           ลูกชายของคุณป้า เปิดใจว่า ก่อนหน้านี้แม่เป็นครู เมื่อ 20 ปีก่อนคุณพ่อเสียชีวิตลง แม่จึงอยู่ในภาวะซึมเศร้า ก่อนจะรู้จักกับนางกชกร ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงของพ่อ แม่ดูจะทีท่าทีหลงเชื่ออีกฝ่าย ลูก ๆ จึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าแม่มีอาการเครียด คิดมาก พูดเพ้อ เดินเรื่อยเปื่อย หลงผิดคิดว่ามีร่างทรง เชื่อคนง่าย วินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวช ตอนนั้นทางโรงเรียนอยากให้แม่กลับไปสอน ลูกจึงเซ็นเอกสารยอมให้แม่กลับไป แต่ปรากฏว่าหลังออกมาจากโรงพยาบาลแม่ก็หายไปตั้งแต่ปี 2554 จึงแจ้งความคนหายไว้

           จนปี 2566 ตามไปเจอแม่ที่บ้านหลังดังกล่าว แต่แม่ไม่ยอมกลับมาอยู่กับลูก ๆ เชื่อว่าคงเป็นเพราะคำพูดของร่างทรงที่โน้มน้าวใจเอาไว้ ที่ผ่านมาแม่เสียเงินให้กับสามี-ภรรยา คู่นี้เป็นจำนวนมาก เช่นปี 2553 แม่นำที่ดิน 200 ตารางวาไปจำนองได้เงิน 1.9 ล้านบาท นางกชกรก็นำเงินดังกล่าวไปซื้อรถยนต์ จากนั้นปี 2567 แม่ขายที่ดิน ได้เงิน 9.5 ล้านบาท นอกจากนี้ แม่ยังมีเงินบำนาญเดือนละ 30,000 บาท ก็พบว่า นางกชกร โยกเงินทั้งหมดเข้าบัญชีตัวเอง ความเสียหายนับ 10 ล้านบาท

           หลักฐานสำคัญคือ ภาพจากตู้เอทีเอ็มที่นางกชกร สวมรอยใส่ชุดข้าราชการของคุณแม่มากดเงินบำนาญออกจากตู้ อย่างไรก็ดี กรณีนี้ตนยังไม่สามารถพาแม่ออกมาดูแลได้ เพราะศาลไม่เชื่อว่าแม่ป่วยจิตเวช ระบุว่าใบรับรองนั้นผ่านมาหลายปีเกินไป จึงอยากได้ตัวแม่ออกมารักษา คาดว่าหลังจากมีตำรวจไปเจรจา อีกฝ่ายคงพาแม่หนีออกไปแล้ว