แท็กซี่รับแล้ว กินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ ครอบครัวลั่นทั้งน้ำตา อย่าหวังให้อภัย ขอโทษสักคำยังไม่มี ตีมึน เมิน ไร้สำนึก คนแบบนี้ต้องเอาเรื่องถึงที่สุด

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี ร.ต.ต. อัสดา จำเนียรศรี อายุ 54 ปี รองสารวัตรจราจร สน.บางเขน ถูกรถแท็กซี่ขับชนจนเสียชีวิต ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรงานวิ่งของมหาวิทยาลัยราชฏัชพระนคร บริเวณหน้าอู่รถเมล์บางเขน โดยพบว่าคนขับแท็กซี่คือ นายวราบุตร์ อายุ 40 ปี ซึ่งวัดระดับแอลกอฮอล์ได้ 287 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงถูกควบคุมตัวใน 3 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาท, ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และขับรถโดยสารสาธารณะขณะมึนเมา
ต่อมาวันที่ 29 เมษายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกช่วงเวลาที่เกิดเหตุไว้ได้ พบว่า ร.ต.ต. อัสดา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ยืนอยู่บริเวณข้างถนน ก่อนที่จะเดินข้ามมาเพื่อจะไปโบกรถ แต่ทันใดนั้นอยู่ ๆ กลับมีแท็กซี่คันสีเหลืองที่ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งเฉเข้าไปชนร่าง ร.ต.ต. อัสดา จนกระเด็น
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ซึ่งภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดนี้ ขัดแย้งกับคำให้การของนายวราบุตร์ ที่อ้างว่าหลังเลิกงานตอนคืนก่อนเกิดเหตุ ได้ไปดูฟุตบอลและกินดื่มกับเพื่อนที่ย่านห้วยขวาง ก่อนจะขับรถกลับบ้านช่วงเช้า แต่ตอนนั้นไม่ได้เมา ก่อนเกิดเหตุตนเห็นตำรวจยืนขวางกลางถนน พยายามจะหักรถหลบซ้ายแล้วแต่เอาไม่อยู่ ทำให้ชนตำรวจอย่างจัง
กระทั่งล่าสุด มีรายงานเพิ่มเติมว่า คนขับแท็กซี่รายนี้ยอมรับว่าเมาแล้วขับจริง โดยอ้างว่ากินไปแค่แบนเดียว อย่างไรก็ตาม พบว่าระหว่างนำตัวไปฝากขัง เจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดหรือตอบคำถามผู้สื่อข่าวใด ๆ
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ นางเบญจวรรณ ภรรยาของ ร.ต.ต. อัสดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ฝ่ายนั้นอ้างว่าไม่ได้ดื่มอะไร คุณสภาพเบลอขนาดนั้นแล้ว ถ้าคุณกินเหล้าก็ต้องรู้สึก อันนี้คือตึงไปแล้ว ตนไม่อยากฝากบอกอะไรถึงเขา แต่ตนจะไม่ปล่อยไว้แน่ ถ้าเขาเป็นคนแบบนี้เราก็ต้องเอาเขาเหมือนกัน หากคุณขอโทษสักคำเราก็อาจจะอยากจบแค่นี้ แต่นี่ไม่มีคำขอโทษใด ๆ เลย
เขาเดินเข้าห้องไปเฉยเลย แม้แต่ตำรวจทุกคนยังอึ้ง คำขอโทษจากเขาไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่จริงใจ ไม่เคยมีเลย เขาเมินเลย ตนคิดว่าเขาเป็นคนใช้ไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ให้ติดคุกไปเลย
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
นอกจากนี้ นางเบญจวรรณยังเปิดใจกับทีมข่าวช่องวัน ระบุว่า เธอกับสามีอยู่กินกันมากว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจแย่มาก เสียใจ และทำใจไม่ได้เพราะมันเร็วเกินไป สงสารสามีที่ต้องตายอย่างทรมานโดยไม่ทันได้ร่ำลากัน ตอนอยู่ดรงโรงพยาบาลเธอก็เห็นแค่เท้าเขา เพราะหมอต้องรีบรักษา จังหวะนั้นทำได้แค่เซ็นใบยินยอมให้รักษา ก่อนจะทราบข่าวร้ายว่าสามีหัวใจหยุดเต้นแล้ว หมอช่วยปั๊มอยู่ 5 นาที แต่สุดท้ายก็ไม่มีปาฏิหาริย์
ทั้งนี้ตลอด 30 กว่าปีที่สามีอยู่ในอาชีพตำรวจ เขาเป็นตำรวจน้ำดีที่ตั้งใจทำงานมาก และยังมีแผนว่าอาจจะเกษียณก่อนกำหนด จากนั้นจะไปอยู่บ้านนอกด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ความฝันสลายไปแล้ว
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ด้าน นายยุทธกร อายุ 30 ปี ลูกชายคนโตของ ร.ต.ต. อัสดา
ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และมองว่าหากคนขับแท็กซี่ระมัดระวังมากกว่านี้ พ่ออาจไม่เสียชีวิตก็ได้
ยิ่งเขาได้เห็นคลิปจากกล้องวงจรปิดแล้วก็ยิ่งสะเทือนใจ
เหตุการณ์มันโหดร้ายเกินไป และโกรธคนขับแท็กซี่มาก
ชนร่างพ่อกระเด็นลอยขึ้นจนร่างกระแทกพื้นอย่างแรง ยิ่งเห็นยิ่งสงสารพ่อ
แต่ก็ต้องตั้งสติให้ได้ จากนี้ก็ต้องลุกขึ้นเป็นเสาหลักให้ครอบครัวต่อไป
และอยากฝากถึงพ่อเป็นครั้งสุดท้ายว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้ว
ตนจะดูแลครอบครัว ดูแลแม่กับน้องให้ดีที่สุด
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
![แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ แท็กซี่ตีมึน รับกินแค่แบนเดียว ก่อนชนตำรวจดับ]()
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้, ข่าวช่องวัน

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี ร.ต.ต. อัสดา จำเนียรศรี อายุ 54 ปี รองสารวัตรจราจร สน.บางเขน ถูกรถแท็กซี่ขับชนจนเสียชีวิต ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรงานวิ่งของมหาวิทยาลัยราชฏัชพระนคร บริเวณหน้าอู่รถเมล์บางเขน โดยพบว่าคนขับแท็กซี่คือ นายวราบุตร์ อายุ 40 ปี ซึ่งวัดระดับแอลกอฮอล์ได้ 287 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงถูกควบคุมตัวใน 3 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาท, ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และขับรถโดยสารสาธารณะขณะมึนเมา
ต่อมาวันที่ 29 เมษายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกช่วงเวลาที่เกิดเหตุไว้ได้ พบว่า ร.ต.ต. อัสดา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ยืนอยู่บริเวณข้างถนน ก่อนที่จะเดินข้ามมาเพื่อจะไปโบกรถ แต่ทันใดนั้นอยู่ ๆ กลับมีแท็กซี่คันสีเหลืองที่ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งเฉเข้าไปชนร่าง ร.ต.ต. อัสดา จนกระเด็น

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ซึ่งภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดนี้ ขัดแย้งกับคำให้การของนายวราบุตร์ ที่อ้างว่าหลังเลิกงานตอนคืนก่อนเกิดเหตุ ได้ไปดูฟุตบอลและกินดื่มกับเพื่อนที่ย่านห้วยขวาง ก่อนจะขับรถกลับบ้านช่วงเช้า แต่ตอนนั้นไม่ได้เมา ก่อนเกิดเหตุตนเห็นตำรวจยืนขวางกลางถนน พยายามจะหักรถหลบซ้ายแล้วแต่เอาไม่อยู่ ทำให้ชนตำรวจอย่างจัง
กระทั่งล่าสุด มีรายงานเพิ่มเติมว่า คนขับแท็กซี่รายนี้ยอมรับว่าเมาแล้วขับจริง โดยอ้างว่ากินไปแค่แบนเดียว อย่างไรก็ตาม พบว่าระหว่างนำตัวไปฝากขัง เจ้าตัวมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดหรือตอบคำถามผู้สื่อข่าวใด ๆ

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ นางเบญจวรรณ ภรรยาของ ร.ต.ต. อัสดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ที่ฝ่ายนั้นอ้างว่าไม่ได้ดื่มอะไร คุณสภาพเบลอขนาดนั้นแล้ว ถ้าคุณกินเหล้าก็ต้องรู้สึก อันนี้คือตึงไปแล้ว ตนไม่อยากฝากบอกอะไรถึงเขา แต่ตนจะไม่ปล่อยไว้แน่ ถ้าเขาเป็นคนแบบนี้เราก็ต้องเอาเขาเหมือนกัน หากคุณขอโทษสักคำเราก็อาจจะอยากจบแค่นี้ แต่นี่ไม่มีคำขอโทษใด ๆ เลย
เขาเดินเข้าห้องไปเฉยเลย แม้แต่ตำรวจทุกคนยังอึ้ง คำขอโทษจากเขาไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่จริงใจ ไม่เคยมีเลย เขาเมินเลย ตนคิดว่าเขาเป็นคนใช้ไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ให้ติดคุกไปเลย

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
นอกจากนี้ นางเบญจวรรณยังเปิดใจกับทีมข่าวช่องวัน ระบุว่า เธอกับสามีอยู่กินกันมากว่า 40 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจแย่มาก เสียใจ และทำใจไม่ได้เพราะมันเร็วเกินไป สงสารสามีที่ต้องตายอย่างทรมานโดยไม่ทันได้ร่ำลากัน ตอนอยู่ดรงโรงพยาบาลเธอก็เห็นแค่เท้าเขา เพราะหมอต้องรีบรักษา จังหวะนั้นทำได้แค่เซ็นใบยินยอมให้รักษา ก่อนจะทราบข่าวร้ายว่าสามีหัวใจหยุดเต้นแล้ว หมอช่วยปั๊มอยู่ 5 นาที แต่สุดท้ายก็ไม่มีปาฏิหาริย์
ทั้งนี้ตลอด 30 กว่าปีที่สามีอยู่ในอาชีพตำรวจ เขาเป็นตำรวจน้ำดีที่ตั้งใจทำงานมาก และยังมีแผนว่าอาจจะเกษียณก่อนกำหนด จากนั้นจะไปอยู่บ้านนอกด้วยกัน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ความฝันสลายไปแล้ว

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
.jpg)
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้