ผู้นำชนเผ่าในป่าแอมะซอน แสดงความกังวลหลังเข้าถึงอินเทอร์เน็ต 9 เดือน รับมีประโยชน์ แต่โทษมหันต์ คนหนุ่มสาวเสพสื่อลามก กลายเป็นสังคมก้มหน้า บางครั้งไม่คุยกับคนในบ้าน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
วันที่ 5 มิถุนายน 2567 เว็บไซต์ Indy100 รายงานว่า
สิ่งที่เริ่มต้นด้วยความหวังและความตื่นเต้น
เปลี่ยนเป็นไปสิ่งที่น่ากังวลและน่าหวาดหวั่นอย่างรวดเร็ว
เมื่อชนเผ่าที่ห่างไกลในป่าแอมะซอนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ในที่สุด
รวมถึงชนเผ่ามารูโบ (Marubo)
ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของป่าอะแมซอนในประเทศบราซิล
ที่เพิ่งเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้เมื่อไม่นานมานี้ ผ่าน Starlink
หลังจากความพยายามต่อต้านความทันสมัยและรักษาวิถีชีวิตแบบเดิมมานานหลายศตวรรษ
โดยล่าสุดเหล่าผู้นำชนเผ่ามารูโบ ออกมายอมรับว่าแทนที่อินเทอร์เน็ตจะช่วยให้รู้สึกถึงความงดงามในการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก มันกลับทำให้สมาชิกของชนเผ่า 2,000 คน เกิดความแบ่งแยกออกจากกัน เมื่อสื่อลามกและโซเชียลมีเดียกลายมาเป็นพิษภัยต่อเยาวชนในชนเผ่า
"ตอนที่มันมาถึง ทุกคนก็มีความสุข แต่ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ กลับเลวร้ายลง" ไซนามา มารูโบ วัย 73 ปี ผู้สูงอายุในชนเผ่า กล่าวกับนักข่าวนิวยอร์กไทม์สที่เดินทางไปยังหมู่บ้าน เธออธิบายว่าอินเทอร์เน็ตมอบประโยชน์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้หลายประการ เช่น ทำให้วิดีโอแชตคุยกับบุคลอันเป็นที่รักซึ่งอยู่ไกล รวมถึงการขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน
แต่ขณะเดียวกัน มันกลับทำให้เยาวชนเริ่มไม่สนใจกิจกรรมที่เป็นวัฒนธรรมเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการย้อมผ้า หรือการทำเครื่องประดับจากผลเบอร์รีและเปลือกหอย เธอมองว่าคนหนุ่มสาวกลายเป็นคนเกียจคร้านเพราะอินเทอร์เน็ต พวกนั้นกำลังเรียนรู้วิถีชีวิตของคนผิวขาว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
อัลเฟรโด มารูโบ ผู้นำสมาคมหมู่บ้านของชนเผ่ามารูโบ เป็นหนึ่งในคนที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อินเทอร์เน็ตมากที่สุด เขาเผยกับนิวยอร์กไทม์สว่า เขากังวลว่าประวัติศาสตร์และประเพณีที่เล่าต่อกันมาของวัฒนธรรมเขาจะสูญหายไป เพราะตอนนี้ทุกคนเอาแต่เล่นอินเทอร์เน็ต จนบางครั้งไม่พูดคุยกับครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำ
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด ก็คือความสนใจในสื่อลามกที่ผู้คนเพิ่งค้นพบ ตลอดจนวัฒนธรรมซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในชนเผ่าอย่างการจูบกันในที่สาธารณะ นอกจากนี้ยังมีประเด็นคลิปอนาจารทางเพศ ที่เหล่าชายหนุ่มเริ่มส่งหาคนอื่น ๆ ในกลุ่มแชตด้วย
"เรากังวลว่าเยาวชนจะอยากลองทำตาม" อัลเฟรโด กล่าว และชี้ว่าผู้นำชนเผ่าบางคนเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมทางเพศที่ก้าวร้าวขึ้นในกลุ่มเยาวชนเล้ว
เช่นเดียวกับ ไคปา มารูโบ คุณพ่อลูกสามในชนเผ่า ที่ยอมรับว่า
แม้เขาจะดีใจที่อินเทอร์เน็ตช่วยให้ลูก ๆ ได้รับการศึกษา
แต่เขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับวิดีโอเกมที่ผู้เล่นสวมบทเป็นมือปืน ซึ่งลูกชาย 2
คนกำลังเล่นอยู่ในตอนนี้ เขากลัวว่าอยู่ ๆ ลูก ๆ จะอยากทำตาม
เขาพยายามลบเกมเหล่านั้นไปแล้วก็จริง แต่เชื่อว่าลูกชายก็น่าจะยังมีแอปฯ
ที่ซ่อนอยู่
ด้าน ทามาซี มารูโบ วัย 42 ปี ผู้นำหญิงคนแรกของชนเผ่า กล่าวว่า ตอนนี้หนุ่มสาวบางคนแค่อยากใช้ช่วงเวลาทั้งบ่ายอยู่กับโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ยังมีคนอื่น ๆ ที่รักษาประเพณีดั้งเดิมไว้
อย่างไรก็ตาม สมาชิกหลายคนในเผ่ายังยกย่องพลังบวกและประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับ อีนอค มารูโบ ซึ่งเป็นหนึ่งในชนเผ่าที่ไปใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในตัวเมือง โดยปัจจุบันทำงานเป็นนักออกแบบกราฟิกให้บริษัทดัง
อีนอค กล่าวว่า ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเทอร์เน็ตจะมองเห็นได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นตอนที่ถูกงูพิษกัด ซึ่งต้องมีเฮลิคอปเตอร์เข้ามาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีอินเทอร์เน็ตชนเผ่าต้องใช้วิทยุของมือสมัครเล่น ขอความช่วยเหลือไปยังหลาย ๆ หมู่บ้าน เพื่อจะเข้าถึงเจ้าหน้าที่ แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถใช้อุปกรณ์โทร. หาเจ้าหน้าที่ได้ทันที ทำให้อินเทอร์เน็ตช่วยชีวิตคนไปแล้ว
นอกจากนี้กลุ่มผู้นำหมู่บ้านยังใช้ WhatsApp ประสานงานกันระหว่างหมู่บ้าน รวมถึงใช้ในการแจ้งเตือนฉุกเฉินเรื่องปัญหาสุขภาพและการทำลายสิ่งแวดล้อม รวมถึงครูในชนเผ่าก็ใช้เทคโนโลยีนี้แบ่งปันบทเรียนแก่นักเรียนที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น อีนอคยอมรับว่าการมาถึงของอินเทอร์เน็ต ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในทันที มันเปลี่ยนกิจวัตรของผู้คนไปมากจนเกิดผลเสีย "เพราะในหมู่บ้านของชนเผ่า หากคุณไม่ล่าสัตว์ จับปลา หรือปลูกพืช คุณจะไม่ได้กิน"
อีนอคยืนยันว่า เขาคิดว่าอินเทอร์เน็ตมีประโยชน์มากกว่าโทษ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่