อ.เจษฎ์ ไขข้อสงสัย กินยา พาราเซตามอล ทีละ 2 เม็ด เสี่ยงตับพังจริงหรือไม่ พร้อมเผยข้อควรระวัง กลุ่มไหนควรเลี่ยงบ้าง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant
วันที่ 6 มิถุนายน 2567 รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ไขคำตอบที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับยาสามัญประจำบ้านอย่าง พาราเซตามอล ถึงข้อกังวลว่า ถ้ากินทีละ 2 เม็ดจะเสี่ยงทำให้เกิดผลเสียต่อตับจริงหรือไม่ และมีข้อควรต้องระวังอย่างไรเมื่อต้องกินยาชนิดนี้
โพสต์ดังกล่าวระบุว่า ไขข้อสงสัย ห้ามกินยาพาราเซตามอล ทีละ 2 เม็ด เสี่ยงตับพังจริงหรือ ต้องบอกว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกถกกันในโลกโซเชียลอย่างมากในตอนนั้น หลังจากที่มีคุณหมอท่านหนึ่งออกมาเตือนว่า กินยาพาราทีละ 2 เม็ด ตับพังไม่รู้ตัว ทำเอาหลายคนสงสัย เนื่องจากบนบรรจุภัณฑ์ยาระบุว่า สามารถกินได้ 1 - 2 เม็ด จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนสงสัยอยู่แน่นอน
ตามปกติสำหรับผู้ป่วยทั่วไป คือ ผู้ที่มีภาวะตับและไตเป็นปกตินั้น จริง ๆ แล้ว ทางการแพทย์ระบุว่า ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถรับประทานยานี้ได้ 10 - 15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และใน 1 วัน ไม่ควรกินเกิน 4 พันมิลลิกรัม โดยไม่รับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน และถ้ากินแล้วไข้ไม่ลดภายใน 3 วัน หรือ อาการปวดในเด็กไม่บรรเทาภายใน 5 วัน หรือในผู้ใหญ่ไม่บรรเทาภายใน 10 วัน ควรไปพบแพทย์
วิธีกินยาพาราเซตามอล คำนวณตามน้ำหนักตัว
จำนวนเม็ดของยาพาราเซตามอล ตามน้ำหนักตัว มีดังนี้
ยาพาราเซตามอล ขนาด 325 มิลลิกรัม
- น้ำหนัก 45 - 67 กิโลกรัม กิน 2 เม็ด (จะเห็นว่ากินทีละ 2 เม็ด ได้โดยปลอดภัย)
- น้ำหนัก 34 - 44 กิโลกรัม กิน 1 เม็ดครึ่ง
- น้ำหนัก 22 - 33 กิโลกรัม กิน 1 เม็ด
- น้ำหนัก 67 กิโลกรัมขึ้นไป กิน 2 เม็ด (จะเห็นว่ากินทีละ 2 เม็ด ได้โดยปลอดภัย)
- น้ำหนัก 51 - 67 กิโลกรัม กิน 1 เม็ดครึ่ง
วิธีกินยาพาราเซตามอล ขนาด 650 มิลลิกรัม
ยาพาราเซตามอล ยี่ห้อไทลินอล (Tylenol) ขนาด 650 มิลลิกรัม ชนิดเม็ดออกฤทธิ์นาน 8 ชั่วโมง
- ผู้ป่วยอายุ 18 ปีขึ้นไป น้ำหนักตั้งแต่ 44 กิโลกรัมขึ้นไป กิน 2 เม็ด แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เฉพาะเวลาปวดหรือมีไข้
- น้ำหนักน้อยกว่า 44 กิโลกรัม หรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ให้ใช้ยานี้ เพราะจะได้รับยาเกินขนาดที่แนะนำ ซึ่งอาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้
การกินยาพาราเซตามอล ในเด็กที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 22 กิโลกรัม
- ไม่ควรรับประทานยาพาราเซตามอลแบบเม็ดทุกขนาด ควรเข้าพบแพทย์โดยตรงเพื่อปรึกษาอาการและยาที่ควรใช้ (จริง ๆ สำหรับเด็กเล็ก จะกินเป็นแบบยาน้ำเชื่อม แล้วแพทย์จะช่วยคำนวณตามน้ำหนักตัวให้ ว่ากินกี่ซีซี.)
ข้อควรระวังในการกินยาพาราเซตามอล
- ห้ามกินยาพารา ขนาด 500 มิลลิกรัม เกิน 8 เม็ดต่อวัน หรือ 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- ห้ามกินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะมีผลเสียต่อตับ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น ยาแก้หวัดบางชนิด ยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด เพราะอาจทําให้ได้รับยาเกินขนาด
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ หากดื่มสุราเป็นประจํา เป็นโรคตับหรือโรคไต
- หากรับประทานยาแล้วเกิดอาการ เช่น บวมที่ใบหน้า เปลือกตา ริมฝีปาก ลมพิษ หน้ามืด ผื่นแดง ตุ่มพอง ผิวหนังหลุดลอก ให้หยุดยาและรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้หากมีภาวะพร่องจีซิกซ์พีดี (G6PD) หรือกำลังใช้ยาวาร์ฟารินซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดชนิดหนึ่ง เพราะอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาได้ง่ายกว่าผู้อื่น
- เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท พ้นแสงแดด และความร้อน เก็บให้พ้นมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง อย่าเก็บในที่ชื้น เพราะจะทำให้ยาเสื่อมสภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant