ลุงอัดคลิปเต้นข้างถนน เจอคนบุกแทงต่อหน้ากล้อง ช็อกคนดูอยู่เพียบ ไม่มีใครห้าม สังคมวิจารณ์ความเฉยชา สุดท้ายเหยื่อตาย
วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 เว็บไซต์ MSnews รายงานว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นบนโลกออนไลน์ของจีน หลังอินฟลูเอนเซอร์สายเต้นรายหนึ่งถูกคนเมาบุกแทงต่อหน้ากล้องขณะกำลังอัดคลิปเต้นอยู่กลางจัตุรัสในเมืองซ่งหยาง มณฑลจี๋หลิน ประเทศจีน แต่ที่น่าตกใจคือแม้เหตุการณ์สุดช็อกนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนมากมายที่กำลังยืนดูอยู่เต็มจัตุรัส แต่กลับไม่มีใครเข้าไปช่วยหรือหยุดความรุนแรงนั้นแม้แต่คนเดียว
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่ นายจ้าว อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักบน Douyin ในชื่อ เจียเปาเกอ กำลังอัดคลิปเต้นอยู่กลางจัตุรัส โดยมีคนมากมายมายืนดูเขา
รายงานเผยว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายจ้าว อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักบน Douyin ในชื่อ เจียเปาเกอ ที่ผ่านมาเขามักจะทำคอนเทนต์เต้นตามข้างถนน โดยมีเอกลักษณ์คือเป็นชายวัยกลางคนที่ถือกระเป๋าใบน้อย ปล่อยใจเต้นไปตามจังหวะแม้จะไม่ได้มีลีลาการเต้นแบบมืออาชีพก็ตาม
แต่แล้ววันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่นายจ้าวกำลังตั้งกล้องเพื่ออัดคลิปเต้นตามปกติ อยู่ ๆ ก็มีชายสวมเสื้อสีดำเดินฝ่ากลุ่มคนเข้ามาประชิดตัวนายจ้าวและใช้มีดจ้วงแทง ทำให้นายจ้าวได้รับบาดเจ็บ ตอนนั้นนายจ้าวพยายามจะหลีกหนีออกจากมือมีด แต่อีกฝ่ายก็ยังตามไปแทงเขาอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งนายจ้าวล้มลงไปก็ยังถูกแทงซ้ำอีกหลายแผล และลงเอยด้วยการนอนจมกองเลือด ส่วนคนก่อเหตุก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นต่อหน้ากล้องที่บันทึกภาพ และเกิดขึ้นต่อหน้าคนมากมายหลายสิบคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เฉย ๆ แต่เป็นที่น่าตกใจเมื่อไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยนายจ้าว หรือแม้กระทั่งเข้าไปห้ามปราม
รายงานเผยว่า นายจ้าวที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้น แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด
ขณะที่คนร้ายวัย 53 ปี ซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาถูกตำรวจจับกุมตัว โดยเขาอ้างว่าตัวเองดื่มเหล้ามาจากที่บ้าน ก่อนจะออกมาชมการแสดงที่จัตุรัส และไม่ได้รู้จักกับผู้ตายแต่อย่างใด ที่ลงมือก่อเหตุก็เพราะหงุดหงิด ไม่พอใจการแสดงเต้นของผู้ตาย
ทั้งนี้ ทางตำรวจจะมีการสอบสวนคดีดังกล่าวต่อไป แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้กลายมาเป็นประเด็นช็อกสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่าทีของผู้คนในเหตุการณ์ที่ยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว และปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นโดยไม่ช่วยเหลือ
ขอบคุณข้อมูลจาก MSnews