สาวเมียนมา ข้ามฝั่งมาทำงานที่ไทย วันนี้จะไปทำบุญที่วัดโพธิ์ บ่นยับอัดแหลก ต้องจ่ายเงินถึง 300 บาท ทั้งที่อยู่ไทย เขียนไทยได้ พูดไทยได้ แบบนี้ยุติธรรมไหม ด้านคนไทยกำลังจะสวดคืน แต่ทุกคนช้าก่อน !
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
ในการเที่ยวที่วัดหลายแห่ง สำหรับคนไทยสามารถเข้าฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องจ่ายค่าเข้าถึง 300 บาท แต่ในกรณีที่เป็นคนที่มาทำงานที่ไทย หรืออยู่ที่ไทยเป็นระยะเวลานานล่ะ แบบนี้ควรจะให้เข้าฟรีแบบคนไทย หรือต้องจ่ายเงินในเรตต่างชาติ
ล่าสุด 11 กรกฎาคม 2567 ได้มีสาวเมียนมาคนหนึ่ง ได้มาเที่ยวที่วัดโพธิ์ ซึ่งเธอก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าเข้าไปได้ไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเข้าได้ และข้างหลังก็มีอีก 2 คนที่เป็นคนพม่า กำลังจะเข้ามาเหมือนกัน แต่คาดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะจับได้จากสำเนียงการพูด เลยมีการขอดูบัตรประชาชน เพื่อยืนยันว่าเธอสามารถเข้าวัดโพธิ์ได้ฟรี
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีบัตรประชาชนไทยให้ แต่บอกว่าเธออาศัยอยู่ที่ไทย ทำงานที่ไทย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เกี่ยว ให้ไปจ่ายเงินมา 300 บาท แต่เธอก็ไม่ยอม เพราะเธอทำงานได้แค่วันละ 400 บาท จะมาเอาอะไรเยอะแยะ เธอแค่ต้องการไปไหว้พระเท่านั้น
"100-200 ยังพอว่าอยู่นะ 300-500 บาทมันเยอะไปไหม ถ้าคิด 300 บาท 6 คนก็เท่าไรแล้ว ไม่ใช่ 100-200 บาท"
นอกจากนี้ เธอยังเขียนข้อความเป็นภาษาเมียนมาที่ระบุว่า "วันนี้เป็นวัน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี แต่วัดพระแก้วปิด (Mya Pagoda ในภาษาพม่า) ฉันก็เลยมาที่วัดโพธิ์ใกล้ ๆ แทน แต่ค่าเข้าถึง 300 บาท ค่าแรงฉันแค่วันละ 400 บาทเท่านั้น แพงไปไหมกับ 300 บาท บ้างก็ 300 บ้างก็ 500 บาท" และข้อความภาษาไทยที่ระบุว่า "เป็นวันดีแท้ ๆ เจอกับตัวแบบนี้ก็เสียอารมณ์หมด"
เรื่องนี้ทำเอาเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นหวั่นไหว
ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามกฏ ถ้าคุณยังไม่มีบัตรประชาชนไทยบ
ไม่มีสัญชาติไทย อย่างไรแล้วก็ต้องเสียเงินในเรตต่างชาติ ต่อให้ทำงานมา 70
ปี เสียภาษีมาตลอด มีใบอนุญาตในการทำงาน แต่ไม่มีบัตรประชาชน
ก็คือคนต่างชาติบนผืนแผ่นดินไทยหมด ไม่เท่านั้น
สถานที่ท่องเที่ยวหรือวัดสำคัญ ๆ ในเมียนมา ก็ใช้กฎเดียวกันกับไทย
คือให้คนเมียนมาเข้าฟรี เก็บค่าเข้าต่างชาติ ทั้งที่ย่างกุ้ง หงสาวดี
มัณฑะเลย์ พุกาม อังวะ โดยเฉพาะวัดดัง ๆ ใหญ่ ๆ ในเมียนมาอย่าง
เจดีย์ชเวดากอง ที่เก็บค่าเข้าถึง 20,000 จั๊ด หรือกว่า 350 บาท
แทบไม่ต่างกับวัดดัง ๆ ในไทยแต่อย่างใด
ในขณะที่บางคนก็มองว่า เรื่องค่าเข้าไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือ เธอแค่ต้องการไปไหว้พระเฉย ๆ ไม่ได้อยากเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่วัดที่เธอเลือกนั้นดันเป็นวัดดัง วัดใหญ่ ที่มีการเก็บค่าเข้า และเมื่อมาคิดเทียบกับรายได้รายวันที่เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ มันก็เลยสูงไป อีกอย่างเธอก็ทำงานที่ไทย พูดไทยได้ เสียภาษีให้ไทย อย่างน้อยก็ไม่ควรคิดเรตนักท่องเที่ยวไปเสียทีเดียว ควรคิดอีกเรตหนึ่งที่ต่ำลงมา เช่น 100-200 บาทก็พอ
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า คนพม่าเป็นชาติที่ชอบเข้าวัดทำบุญไม่ต่างจากไทย โดยเฉพาะในวันสำคัญที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาหรือวันสำคัญของราชวงศ์ คนพม่าจะแห่กันเข้าวัด โดยเฉพาะวัดพระแก้ว ที่ถือเป็นวัดใหญ่วัดดังที่คนพม่าที่อยู่ที่ไทย จะต้องได้มีโอกาสมาไหว้ทำบุญกันสักครั้ง นั่นจึงทำให้ในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่วัดพระแก้วเปิดให้เข้าฟรี จะเห็นคนพม่ามาเบียดรอกันเต็มตั้งแต่เช้าตรู่
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า วันที่สาวคนนี้ไปวัดพระแก้ว คึอวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ของพระราชินี ซึ่งมีพิธีภายในวัด ทำให้ทางวัดปิดการเข้าชมทั้งพระบรมหาราชวังและวัดพระแก้วตลอดทั้งวัน เธอจึงอาจเกิดความเข้าใจผิด เลือกมาวันนั้นเพราะเข้าใจว่าวันสำคัญแล้วจะได้เข้าวัดฟรี แต่ในความเป็นจริงวันนั้นเป็นวันที่วัดพระแก้วปิด เธอจึงต้องไปเข้าวัดอื่นแทนเพื่อหวังจะทำบุญ แต่พอรู้ว่าค่าเข้าทำบุญมากถึง 300 บาท สำหรับคนที่ไม่มีบัตรประชาชนไทย ก็ทำเอาเธอถึงกับเซ็ง จนต้องออกมาบ่นอย่างที่เห็น
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
ในการเที่ยวที่วัดหลายแห่ง สำหรับคนไทยสามารถเข้าฟรี แต่ชาวต่างชาติต้องจ่ายค่าเข้าถึง 300 บาท แต่ในกรณีที่เป็นคนที่มาทำงานที่ไทย หรืออยู่ที่ไทยเป็นระยะเวลานานล่ะ แบบนี้ควรจะให้เข้าฟรีแบบคนไทย หรือต้องจ่ายเงินในเรตต่างชาติ
ล่าสุด 11 กรกฎาคม 2567 ได้มีสาวเมียนมาคนหนึ่ง ได้มาเที่ยวที่วัดโพธิ์ ซึ่งเธอก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าเข้าไปได้ไหม เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเข้าได้ และข้างหลังก็มีอีก 2 คนที่เป็นคนพม่า กำลังจะเข้ามาเหมือนกัน แต่คาดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะจับได้จากสำเนียงการพูด เลยมีการขอดูบัตรประชาชน เพื่อยืนยันว่าเธอสามารถเข้าวัดโพธิ์ได้ฟรี
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีบัตรประชาชนไทยให้ แต่บอกว่าเธออาศัยอยู่ที่ไทย ทำงานที่ไทย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เกี่ยว ให้ไปจ่ายเงินมา 300 บาท แต่เธอก็ไม่ยอม เพราะเธอทำงานได้แค่วันละ 400 บาท จะมาเอาอะไรเยอะแยะ เธอแค่ต้องการไปไหว้พระเท่านั้น
"100-200 ยังพอว่าอยู่นะ 300-500 บาทมันเยอะไปไหม ถ้าคิด 300 บาท 6 คนก็เท่าไรแล้ว ไม่ใช่ 100-200 บาท"
นอกจากนี้ เธอยังเขียนข้อความเป็นภาษาเมียนมาที่ระบุว่า "วันนี้เป็นวัน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี แต่วัดพระแก้วปิด (Mya Pagoda ในภาษาพม่า) ฉันก็เลยมาที่วัดโพธิ์ใกล้ ๆ แทน แต่ค่าเข้าถึง 300 บาท ค่าแรงฉันแค่วันละ 400 บาทเท่านั้น แพงไปไหมกับ 300 บาท บ้างก็ 300 บ้างก็ 500 บาท" และข้อความภาษาไทยที่ระบุว่า "เป็นวันดีแท้ ๆ เจอกับตัวแบบนี้ก็เสียอารมณ์หมด"
ในขณะที่บางคนก็มองว่า เรื่องค่าเข้าไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือ เธอแค่ต้องการไปไหว้พระเฉย ๆ ไม่ได้อยากเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่วัดที่เธอเลือกนั้นดันเป็นวัดดัง วัดใหญ่ ที่มีการเก็บค่าเข้า และเมื่อมาคิดเทียบกับรายได้รายวันที่เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ มันก็เลยสูงไป อีกอย่างเธอก็ทำงานที่ไทย พูดไทยได้ เสียภาษีให้ไทย อย่างน้อยก็ไม่ควรคิดเรตนักท่องเที่ยวไปเสียทีเดียว ควรคิดอีกเรตหนึ่งที่ต่ำลงมา เช่น 100-200 บาทก็พอ
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่า คนพม่าเป็นชาติที่ชอบเข้าวัดทำบุญไม่ต่างจากไทย โดยเฉพาะในวันสำคัญที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาหรือวันสำคัญของราชวงศ์ คนพม่าจะแห่กันเข้าวัด โดยเฉพาะวัดพระแก้ว ที่ถือเป็นวัดใหญ่วัดดังที่คนพม่าที่อยู่ที่ไทย จะต้องได้มีโอกาสมาไหว้ทำบุญกันสักครั้ง นั่นจึงทำให้ในวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่วัดพระแก้วเปิดให้เข้าฟรี จะเห็นคนพม่ามาเบียดรอกันเต็มตั้งแต่เช้าตรู่
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า วันที่สาวคนนี้ไปวัดพระแก้ว คึอวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ของพระราชินี ซึ่งมีพิธีภายในวัด ทำให้ทางวัดปิดการเข้าชมทั้งพระบรมหาราชวังและวัดพระแก้วตลอดทั้งวัน เธอจึงอาจเกิดความเข้าใจผิด เลือกมาวันนั้นเพราะเข้าใจว่าวันสำคัญแล้วจะได้เข้าวัดฟรี แต่ในความเป็นจริงวันนั้นเป็นวันที่วัดพระแก้วปิด เธอจึงต้องไปเข้าวัดอื่นแทนเพื่อหวังจะทำบุญ แต่พอรู้ว่าค่าเข้าทำบุญมากถึง 300 บาท สำหรับคนที่ไม่มีบัตรประชาชนไทย ก็ทำเอาเธอถึงกับเซ็ง จนต้องออกมาบ่นอย่างที่เห็น