หนุ่มไปงานเลี้ยงรุ่น กลับโดนเพื่อนดูถูกเพราะห่ออาหารเหลือ ก่อนรู้ความจริงสุดทึ่ง ไม่ได้จนแบบที่คิด อย่ามองใครแต่ภายนอก
ในขณะที่การนัดสังสรรค์กับเพื่อนเก่า ควรจะเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้รำลึกความหลังร่วมกัน แต่หลาย ๆ ครั้งก็อาจลงเอยด้วยประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนัก ชายคนหนึ่งที่เพิ่งไปงานเลี้ยงรุ่นกับกลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยก็พบเจอเรื่องราวไม่ต่างกัน เมื่อเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยปากเยาะเย้ยเขาที่ขอห่ออาหารเหลือกลับไป ดูถูกเขาว่าจน แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับกลายเป็นบทเรียนแก่เพื่อนทุก ๆ คน ว่าอย่าดูถูกคนจากสิ่งที่เห็นภายนอก
โดยวันที่ 26 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ Soha ของเวียดนาม รายงานว่า ไม่กี่วันก่อน นายเจื่อง เพิ่งได้รับข้อความที่ส่งมาจากประธานรุ่นสมัยมหาวิทยาลัย ชวนให้เขาไปร่วมงานสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนหากมีเวลาว่างกลับมายังเมืองที่พวกเขาเคยเรียนด้วยกัน คำเชิญชวนนี้ทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจมาก เพราะเขาก็ไม่ได้กลับไปเจอเพื่อนเก่านานหลายปีแล้ว และเขาก็คิดถึงวันเวลาอันสวยงามในวันเรียน รวมถึงเพื่อน ๆ ที่อยู่ด้วยกันมา จึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปร่วมงานครั้งนี้
อีก 3 วันต่อมา ชายคนนี้พร้อมเพื่อน ๆ อีก 14 คน ก็มาพบกันในภัตตาคารข้าง ๆ มหาวิทยาลัย เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน เมื่อทุกคนมาถึงแล้วก็มีตัวแทนจัดแจงสั่งอาหารให้ แต่หลังจากพวกเขากินกันเสร็จแล้ว นายเจื่องสังเกตเห็นว่ามีอาหารหลายจานที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครแตะต้อง เขาคิดว่าไหน ๆ ก็ต้องจ่ายเงินอยู่แล้ว จึงเกิดความคิดบางอย่างและขอให้พนักงานเสิร์ฟนำอาหารที่เหลือไปห่อใส่กล่องพลาสติก
แต่หลังจากที่เขาทำแบบนั้น อยู่ ๆ นายหว่อง ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า "เจื่อง นายก็เห็นว่าเรามาเจอเพื่อนเก่ากัน แต่นายยังจะห่ออาหารเหลือกลับบ้าน ทำแบบนี้มันหยาบคายต่อคนอื่นและตัวนายเองนะ ไม่รู้สึกละอายบ้างหรือไง"
สำหรับนายหว่องคนนี้ เคยอาศัยอยู่หอพักเดียวกับนายเจื่องสมัยเป็นนักศึกษา ทำให้นายเจื่องรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจแคบ ที่ชอบนำจุดด้อยของคนอื่นมาเยาะเย้ยและดูถูก เขารู้นิสัยของเพื่อนคนนี้ดีจึงไม่อยากเสียเวลาเถียงอะไรด้วย แต่เมื่อมองดูไปรอบ ๆ โต๊ะ ก็เห็นเพื่อนคนอื่นมองมาที่เขาแบบเห็นอกเห็นใจ และน่าจะคิดกันว่าเขาทำงานมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังคงต้องลำบากอยู่ จึงต้องการอาหารที่เหลือทิ้งเหล่านี้
ทั้งนี้ ย้อนกลับไปยังสมัยเรียนนั้นเพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่านายเจื่องมีพื้นฐานครอบครัวที่ไม่ดีนัก เขาเป็นคนยากจน หน้าตาไม่ดี และไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่ แม้จะมีผลการเรียนที่ดีมากก็ตาม หลังเรียนจบไปก็ไม่ค่อยได้ติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ นัก ทำให้แต่ละคนไม่ค่อยรู้ชีวิตความเป็นไปของเขา การได้เห็นนายเจื่องมาร่วมงานในสภาพที่เรียบง่าย สมถะ แถมยังขออาหารที่เหลือกลับไป จึงทำให้เพื่อนคนอื่นเห็นใจในความลำบากของเขา
ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องรำลา นายเจื่องก็เดินถือถุงอาหารเหล่านี้ไปยังประตูโรงแรม ที่มีขอทานนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง และมอบอาหารในมือแก่ขอทาน เพื่อให้อีกฝ่ายได้กินอาหารดี ๆ ที่ยังสะอาด จะได้ไม่ต้องทนหิวอยู่เช่นนั้น
การกระทำของนายเจื่องทำให้เพื่อน ๆ ประหลาดใจไม่น้อย แต่จากนั้นทุกคนก็ต้องเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าเดิม เมื่อได้เห็นว่ามีรถหรูคันหนึ่งขับเข้ามาใกล้ ก่อนที่คนขับจะรีบลงจากรถ เดินเข้าไปหานายเจื่องแล้วกล่าวขอโทษ บอกว่า "เจ้านายครับ ผมขอโทษที่มาช้าไปหน่อย"
ด้วยความประหลาดใจ เพื่อน ๆ จึงเดินเข้าไปถามสิ่งที่สงสัยกับนายเจื่อง ก่อนจะทราบว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ไม่ได้เจอกันนี้ นายเจื่องได้ใช้ความสามารถไต่เต้าตัวเองจนขึ้นเป็นซีอีโอของบริษัทชั้นนำ กลายเป็นว่าเบื้องหลังรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายนี้ เขากลับกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่งนั่นทำให้เพื่อน ๆ รวมถึงนายหว่อง ที่เพิ่งดูถูกเขา ต่างก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนหลายคนแอบถอนใจ และคิดได้ว่าไม่ควรดูถูกคนที่มีจุดเริ่มต้นจากความยากลำบาก หรือฐานะยากจน เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนเหล่านี้มีความสามารถและความพยายามซ่อนอยู่มากแค่ไหน ขณะเดียวกันก็ไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก เพราะแท้จริงแล้วคนที่ดูสมถะเรียบง่าย อาจร่ำรวยทั้งจิตใจและทรัพย์สิน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความฟุ่มเฟือยมาโอ้อวดสิ่งที่มี ดังเช่นนายเจื่องผู้นี้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก : Soha