ครอบครัวตรวจ DNA เล่นขำ ๆ เจอความลับช็อกไม่คาดฝัน เลี้ยงลูกคนอื่นมา 12 ปี ทั้งที่ไม่ได้มีใครนอกใจ ความจริงเกิดอะไรขึ้น
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
วันที่ 11 กันยายน 2567 เว็บไซต์ CTWANT เผยเรื่องราวสุดช็อกของครอบครัวหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เมื่ออยู่ ๆ คู่สามีภรรยาคิดว่าการตรวจดีเอ็นเอที่บ้านเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นในปัจจุบัน พวกเขาจึงได้ซื้อชุดตรวจ DNA มาทดสอบแบบขำ ๆ กันในครอบครัว โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ผลลัพธ์กลับเผยความจริงที่ไม่มีใครคาดฝัน และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล
รายงานของมิเรอร์ เผยว่า ดอนน่า จอห์นสัน และแวนเนอร์ สามีของเธอ จากเมืองซอลต์ เลก ซิตี ในรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ ได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงลูกชาย 2 คน ได้แก่ แวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตอายุ 18 ปี และทิม ลูกชายคนเล็กอายุ 12 ปี กระทั่งหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ เมื่อผลการตรวจออกมาทางออนไลน์ ดอนน่าได้อ่านแล้วก็ตกใจสุดชีวิต และคิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาด
ผลปรากฏว่า แวนเนอร์ เป็นบิดาทางสายเลือดกับแวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโต ส่วนทิม ลูกชายคนเล็ก ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับสามีของเธอ นั่นหมายความว่า สามีเลี้ยงลูกชายของคนอื่นมานานถึง 12 ปี โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเขาคือใคร มันเป็นความจริงที่น่าขนลุกสำหรับครอบครัวมาก เพราะพวกเขาไม่เคยมีเรื่องนอกใจ ดอนน่าพยายามนึกหาสาเหตุ จนตระหนักได้ว่า มันน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของคลินิกผสมเทียม
ดอนน่าเผยว่า เธอและสามี พบรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะแต่งงานกันในปี 2546 จากนั้นทั้งสองก็มีลูกชายคนแรกด้วยกัน นั่นก็คือ แวนเนอร์ จูเนียร์ ทั้งสองตื่นเต้นและดีใจมาก จึงอยากจะมีลูกอีกคน แต่พบว่ามีปัญหาทางสุขภาพจึงไม่สามารถมีลูกได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงไปทดลองทำเด็กหลอดแก้วในปี 2550 โดยใช้ไข่ของดอนน่า และสเปิร์มของแวนเนอร์
ความพยายามครั้งแรกล้มเหลว แต่ในปีเดียวกันนั้น ดอนน่าและสามีได้ลองอีกครั้งจนประสบความสำเร็จ เธอให้กำเนิดทิม ลูกชายคนที่ 2 ในเดือนสิงหาคม 2551 ดอนน่า เผยว่า ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนว่า เป็นปาฏิหาริย์ แม้ว่าลูกชายทั้งสองคนของเธอจะดูแตกต่างกัน แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร โดยพี่ชายแวนเนอร์ จูเนียร์ มีดวงตาสีฟ้าและผมสีสว่างเหมือนพ่อ ในขณะที่ทิม มีผมสีเข้มเหมือนแม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อผลการทดสอบดีเอ็นเอปรากฏออกมาเช่นนี้
ทำให้ดอนน่าและสามีต่างสงสัยว่า ใครคือพ่อผู้ให้กำเนิดของทิม
และเขาจะถูกพรากไปจากครอบครัวหรือไม่
ตัวของเธอเองเครียดถึงขนาดเกิดภาวะซึมเศร้า
แต่ก็โชคดีที่ทนายความสามารถให้ความมั่นใจกับทั้งคู่ได้ว่า
ทั้งสองยังคงเป็นพ่อแม่ตามกฎหมายของเขาอยู่
และหลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ
เธอและสามีตกลงว่าจะบอกความจริงกับลูกชายคนเล็กของพวกเขา
เพราะหากปล่อยให้คนโตกว่านี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้น
ในเดือนตุลาคม 2563 ดอนน่าและสามีได้พาทิม ออกไปกินไอศกรีมและบอกความจริงกับเขา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าพ่อกับแม่รักเขามากเหมือนเดิม ซึ่งลูกชายคนเล็กในวัย 12 ปี ของพวกเขามีความเข้าใจอย่างน่าทึ่ง เขาไม่เพียงแค่ไม่โวยวายร้องไห้เสียใจ แต่ยังยอมรับความจริงอย่างใจเย็น และไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็มาบอกพ่อกับแม่ว่า เขาอยากตามหาพ่อที่แท้จริง
ดอนน่าและสามีเคารพการตัดสินใจของลูกชาย แม้ว่าจะมีความกังวลไม่น้อย พวกเขาใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอของทิมกับบริษัทอื่นอีกครั้ง จนทำให้สามารถพบบุคคลที่น่าจะเป็นป้าของเขา ทั้งสองจึงสืบหาข้อมูลทางออนไลน์ จนพบกับน้องชายของหญิงคนนั้นที่ชื่อ เดวิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบิดาทางเลือดกับทิม จึงได้มีการติดต่อไปในเดือนมีนาคม 2564 หลังจากได้ทราบเรื่องราว เดวินก็ยินยอมที่จะทำการตรวจดีเอ็นเอ และผลก็ออกมาว่าเขาคือบิดาทางสายเลือดของทิม
ความจริงปรากฏว่า เดวินและภรรยาของเขาได้ไปทำเด็กหลอดแก้วที่คลินิกเดียวกันกับดอนน่าและแวนเนอร์ ในวันเดียวกันเมื่อ 14 ปีก่อน ซึ่งสเปิร์มของเดวินถูกนำมาใช้ซ้ำกับไข่ของดอนน่า ทำให้ลูกชายที่เธอให้กำเนิดออกมา มีเดวินเป็นบิดาทางสายเลือด อย่างไรก็ตาม แวนเนอร์คิดว่าไม่ว่าความจริงจะเปลี่ยนไปเช่นไร เขาก็ยังเป็นพ่อของทิมเช่นเดิม
จากเหตุกาณร์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งสองครอบครัวยังเห็นพ้องต้องกันว่า จะไม่มีการต่อสู้แย่งชิงสิทธิเลี้ยงดูบุตร และหลังจากนั้น ทั้งสองครอบครัวได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีการส่งข้อความหากันเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ในปี 2565 พวกเขายังได้ร่วมกันฟ้องร้องคลินิกดังกล่าวในข้อหาประมาทเลินเล่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT, Mirror
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
รายงานของมิเรอร์ เผยว่า ดอนน่า จอห์นสัน และแวนเนอร์ สามีของเธอ จากเมืองซอลต์ เลก ซิตี ในรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ ได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงลูกชาย 2 คน ได้แก่ แวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตอายุ 18 ปี และทิม ลูกชายคนเล็กอายุ 12 ปี กระทั่งหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ เมื่อผลการตรวจออกมาทางออนไลน์ ดอนน่าได้อ่านแล้วก็ตกใจสุดชีวิต และคิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาด
ผลปรากฏว่า แวนเนอร์ เป็นบิดาทางสายเลือดกับแวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโต ส่วนทิม ลูกชายคนเล็ก ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับสามีของเธอ นั่นหมายความว่า สามีเลี้ยงลูกชายของคนอื่นมานานถึง 12 ปี โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเขาคือใคร มันเป็นความจริงที่น่าขนลุกสำหรับครอบครัวมาก เพราะพวกเขาไม่เคยมีเรื่องนอกใจ ดอนน่าพยายามนึกหาสาเหตุ จนตระหนักได้ว่า มันน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของคลินิกผสมเทียม
ดอนน่าเผยว่า เธอและสามี พบรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะแต่งงานกันในปี 2546 จากนั้นทั้งสองก็มีลูกชายคนแรกด้วยกัน นั่นก็คือ แวนเนอร์ จูเนียร์ ทั้งสองตื่นเต้นและดีใจมาก จึงอยากจะมีลูกอีกคน แต่พบว่ามีปัญหาทางสุขภาพจึงไม่สามารถมีลูกได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงไปทดลองทำเด็กหลอดแก้วในปี 2550 โดยใช้ไข่ของดอนน่า และสเปิร์มของแวนเนอร์
ความพยายามครั้งแรกล้มเหลว แต่ในปีเดียวกันนั้น ดอนน่าและสามีได้ลองอีกครั้งจนประสบความสำเร็จ เธอให้กำเนิดทิม ลูกชายคนที่ 2 ในเดือนสิงหาคม 2551 ดอนน่า เผยว่า ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนว่า เป็นปาฏิหาริย์ แม้ว่าลูกชายทั้งสองคนของเธอจะดูแตกต่างกัน แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร โดยพี่ชายแวนเนอร์ จูเนียร์ มีดวงตาสีฟ้าและผมสีสว่างเหมือนพ่อ ในขณะที่ทิม มีผมสีเข้มเหมือนแม่
ในเดือนตุลาคม 2563 ดอนน่าและสามีได้พาทิม ออกไปกินไอศกรีมและบอกความจริงกับเขา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าพ่อกับแม่รักเขามากเหมือนเดิม ซึ่งลูกชายคนเล็กในวัย 12 ปี ของพวกเขามีความเข้าใจอย่างน่าทึ่ง เขาไม่เพียงแค่ไม่โวยวายร้องไห้เสียใจ แต่ยังยอมรับความจริงอย่างใจเย็น และไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็มาบอกพ่อกับแม่ว่า เขาอยากตามหาพ่อที่แท้จริง
ดอนน่าและสามีเคารพการตัดสินใจของลูกชาย แม้ว่าจะมีความกังวลไม่น้อย พวกเขาใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอของทิมกับบริษัทอื่นอีกครั้ง จนทำให้สามารถพบบุคคลที่น่าจะเป็นป้าของเขา ทั้งสองจึงสืบหาข้อมูลทางออนไลน์ จนพบกับน้องชายของหญิงคนนั้นที่ชื่อ เดวิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบิดาทางเลือดกับทิม จึงได้มีการติดต่อไปในเดือนมีนาคม 2564 หลังจากได้ทราบเรื่องราว เดวินก็ยินยอมที่จะทำการตรวจดีเอ็นเอ และผลก็ออกมาว่าเขาคือบิดาทางสายเลือดของทิม
ความจริงปรากฏว่า เดวินและภรรยาของเขาได้ไปทำเด็กหลอดแก้วที่คลินิกเดียวกันกับดอนน่าและแวนเนอร์ ในวันเดียวกันเมื่อ 14 ปีก่อน ซึ่งสเปิร์มของเดวินถูกนำมาใช้ซ้ำกับไข่ของดอนน่า ทำให้ลูกชายที่เธอให้กำเนิดออกมา มีเดวินเป็นบิดาทางสายเลือด อย่างไรก็ตาม แวนเนอร์คิดว่าไม่ว่าความจริงจะเปลี่ยนไปเช่นไร เขาก็ยังเป็นพ่อของทิมเช่นเดิม
จากเหตุกาณร์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งสองครอบครัวยังเห็นพ้องต้องกันว่า จะไม่มีการต่อสู้แย่งชิงสิทธิเลี้ยงดูบุตร และหลังจากนั้น ทั้งสองครอบครัวได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีการส่งข้อความหากันเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ในปี 2565 พวกเขายังได้ร่วมกันฟ้องร้องคลินิกดังกล่าวในข้อหาประมาทเลินเล่อ
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก CTWANT, Mirror