เพื่อนบ้านอวดลูกชายทำงานดีตำแหน่งสูง เงินเดือนเกือบ 7 หมื่น สุดทน ควักรูปให้ดูใบเดียว ถึงกับหน้าซีดพูดไม่ออก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
ปัญหาเรื่องเพื่อนบ้านมีมากมายสารพัด หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องการชอบอวด ไม่ว่าจะเป็นอวดร่ำอวดรวย หรืออวดชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว หากสิ่งที่อวดเป็นเรื่องจริงก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากไม่ใช่เรื่องจริงขึ้นมา เรื่องราวอาจกลับตาลปัตรอย่างที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Soha ของเวียดนาม เผยเรื่องราวจากหญิงรายหนึ่งซึ่งได้แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านของเธอ โดยเพื่อนบ้านรายนี้มีกันแค่สองแม่ลูก ลูกชายอายุ 24 ปี เธอมักจะได้ฟังเรื่องราวของลูกชายเพื่อนบ้านอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเพื่อนบ้านชอบมาเล่าให้ฟังว่า ลูกชายคนนี้มีการศึกษาที่ดี เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้งานทำตำแหน่งสูง มักจะส่งเงินมาให้ที่บ้านเป็นจำนวนมาก
ในช่วงแรก ๆ เธอเห็นว่าเพื่อนบ้านรายนี้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ๆ เข้าบ้าน และได้ข่าวว่าลูกชายของเพื่อนบ้านกำลังเก็บเงินเตรียมสร้างบ้านใหม่ในอีก 2 ปี ซึ่งเธอก็รู้สึกยินดีด้วยและชื่นชมว่าลูกชายของเพื่อนบ้านมีความกตัญญูมาก ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทุกครั้งที่เพื่อนบ้านมาเยี่ยมหา ก็มักจะพูดแต่เรื่องของลูกชายไม่หยุด จนเธอเริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
โดยเพื่อนบ้านมักจะโชว์รูปภาพของลูกชายให้เธอดู และเมื่อไม่นานมานี้ก็บอกว่า เขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งมีเงินเดือนสูงถึง 50 ล้านดอง (ราว 67,000 บาท) เมื่อออกไปพบลูกค้าก็มักจะได้กินอาหารหรู ๆ ราคาแพง และเชื่อว่าวันหนึ่งลูกชายจะพาไปกินอาหารแบบนั้นบ้าง
กระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอและสามีได้พาลูกไปโรงเรียนเฉพาะทางในเมืองและแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เธอต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เจอกับบุคคลที่เธอเคยได้ยินถึงอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ ลูกชายของเพื่อนบ้าน แต่เขาไม่ได้มากินข้าวที่นี่กับลูกค้าหรืออะไรทำนองนั้น ความจริงคือเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ เขาเองก็ตกใจเช่นกันที่เห็นเธอ พร้อมทั้งขอร้องไม่ให้เธอบอกแม่ของเขา
ลูกชายของเพื่อนบ้านมีสีหน้าและแววตาที่เศร้า เขาบอกกับเธอว่า หลังจากเรียนจบก็ยังหางานทำไม่ได้ แต่ไม่อยากให้แม่เป็นกังวลจึงต้องโกหก แล้วมาอาศัยทำงาน 2 กะที่ร้านอาหาร ทั้งเป็นพนักงานเสิร์ฟและส่งอาหารเพื่อหารายได้เพิ่ม แม้ว่าจะเหนื่อยยากลำบากแต่เขาก็พยายามหาเงินให้ได้เดือนละ 20 ล้านดอง (ราว 27,000 บาท) โดยส่งกลับบ้านให้แม่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็ใช้อย่างประหยัด และเหลือเก็บเล็กน้อย ทั้งยังวางแผนจะสร้างบ้านใหม่ให้แม่ในอีก 2 ปีจริง ๆ
หญิงรายนี้รู้สึกเห็นใจและนับถือในความกตัญญูลูกชายของเพื่อนบ้าน
จึงเก็บเรื่องราวนั้นเป็นความลับไว้ จนกระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพื่อนบ้านของเธอก็ยังคงเอาแต่โม้เรื่องของลูกชายไม่หยุด
บอกว่าเขามีเงินเดือนสูงมาก ล่าสุดลูกชายให้เงินมา
อยากขอให้เธอช่วยพาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ อยากได้เครื่องละประมาณ 10 ล้านดอง
(ราว 13,500 บาท) แต่เธอแนะนำให้ซื้อเครื่องราคาประหยัดกว่านั้นสัก 4-5
ล้าน ราว (5,500-6,700 บาท) ก็มีฟังก์ชันครบครันพอใช้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางเพื่อนบ้านปฏิเสธด้วยความไม่พอใจ ย้ำว่าลูกชายของเธอมีเงินเดือนมาก สามารถซื้อโทรศัพท์ราคาที่ต้องการได้ ในที่สุดหญิงรายนี้ก็หมดความอดทน เธอจึงตัดสินใจเปิดรูปของลูกชายเพื่อนบ้านที่กำลังทำงานในร้านอาหารให้ดู พร้อมทั้งเล่าความยากลำบากที่ลูกชายเพื่อนบ้านต้องเผชิญ กว่าที่จะได้เงินส่งกลับมาให้แม่ใช้ที่บ้านเช่นนี้
เมื่อได้ยินความจริงเช่นนั้น ทางเพื่อนบ้านถึงกับหน้าซีดและตกตะลึงจนพูดไม่ออก หลังจากเงียบงันไปอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อนบ้านก็เดินหันหลังกลับบ้านไปอย่างสงบ เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจกับทั้งเพื่อนบ้านและลูกชายของเขา แต่เธอคิดว่าควรจะให้เพื่อนบ้านรู้ความจริงจะดีกว่า เพื่อที่จะได้หยุดอวดลูกสักที และที่สำคัญจะได้ไม่ต้องใช้จ่ายฟุ่ยเฟือยกับเงินที่ลูกชายหามาด้วยหยาดเหงื่อ
"ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่เพื่อนบ้านจะได้รู้ความจริง ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม ?" หญิงรายนี้ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้่อหา
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2567 เว็บไซต์ Soha ของเวียดนาม เผยเรื่องราวจากหญิงรายหนึ่งซึ่งได้แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเพื่อนบ้านของเธอ โดยเพื่อนบ้านรายนี้มีกันแค่สองแม่ลูก ลูกชายอายุ 24 ปี เธอมักจะได้ฟังเรื่องราวของลูกชายเพื่อนบ้านอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเพื่อนบ้านชอบมาเล่าให้ฟังว่า ลูกชายคนนี้มีการศึกษาที่ดี เรียนจบมหาวิทยาลัยและได้งานทำตำแหน่งสูง มักจะส่งเงินมาให้ที่บ้านเป็นจำนวนมาก
ในช่วงแรก ๆ เธอเห็นว่าเพื่อนบ้านรายนี้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ๆ เข้าบ้าน และได้ข่าวว่าลูกชายของเพื่อนบ้านกำลังเก็บเงินเตรียมสร้างบ้านใหม่ในอีก 2 ปี ซึ่งเธอก็รู้สึกยินดีด้วยและชื่นชมว่าลูกชายของเพื่อนบ้านมีความกตัญญูมาก ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ทุกครั้งที่เพื่อนบ้านมาเยี่ยมหา ก็มักจะพูดแต่เรื่องของลูกชายไม่หยุด จนเธอเริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
โดยเพื่อนบ้านมักจะโชว์รูปภาพของลูกชายให้เธอดู และเมื่อไม่นานมานี้ก็บอกว่า เขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งมีเงินเดือนสูงถึง 50 ล้านดอง (ราว 67,000 บาท) เมื่อออกไปพบลูกค้าก็มักจะได้กินอาหารหรู ๆ ราคาแพง และเชื่อว่าวันหนึ่งลูกชายจะพาไปกินอาหารแบบนั้นบ้าง
กระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอและสามีได้พาลูกไปโรงเรียนเฉพาะทางในเมืองและแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เธอต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้เจอกับบุคคลที่เธอเคยได้ยินถึงอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ ลูกชายของเพื่อนบ้าน แต่เขาไม่ได้มากินข้าวที่นี่กับลูกค้าหรืออะไรทำนองนั้น ความจริงคือเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ เขาเองก็ตกใจเช่นกันที่เห็นเธอ พร้อมทั้งขอร้องไม่ให้เธอบอกแม่ของเขา
ลูกชายของเพื่อนบ้านมีสีหน้าและแววตาที่เศร้า เขาบอกกับเธอว่า หลังจากเรียนจบก็ยังหางานทำไม่ได้ แต่ไม่อยากให้แม่เป็นกังวลจึงต้องโกหก แล้วมาอาศัยทำงาน 2 กะที่ร้านอาหาร ทั้งเป็นพนักงานเสิร์ฟและส่งอาหารเพื่อหารายได้เพิ่ม แม้ว่าจะเหนื่อยยากลำบากแต่เขาก็พยายามหาเงินให้ได้เดือนละ 20 ล้านดอง (ราว 27,000 บาท) โดยส่งกลับบ้านให้แม่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งก็ใช้อย่างประหยัด และเหลือเก็บเล็กน้อย ทั้งยังวางแผนจะสร้างบ้านใหม่ให้แม่ในอีก 2 ปีจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ทางเพื่อนบ้านปฏิเสธด้วยความไม่พอใจ ย้ำว่าลูกชายของเธอมีเงินเดือนมาก สามารถซื้อโทรศัพท์ราคาที่ต้องการได้ ในที่สุดหญิงรายนี้ก็หมดความอดทน เธอจึงตัดสินใจเปิดรูปของลูกชายเพื่อนบ้านที่กำลังทำงานในร้านอาหารให้ดู พร้อมทั้งเล่าความยากลำบากที่ลูกชายเพื่อนบ้านต้องเผชิญ กว่าที่จะได้เงินส่งกลับมาให้แม่ใช้ที่บ้านเช่นนี้
เมื่อได้ยินความจริงเช่นนั้น ทางเพื่อนบ้านถึงกับหน้าซีดและตกตะลึงจนพูดไม่ออก หลังจากเงียบงันไปอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อนบ้านก็เดินหันหลังกลับบ้านไปอย่างสงบ เธอรู้สึกเศร้าและเสียใจกับทั้งเพื่อนบ้านและลูกชายของเขา แต่เธอคิดว่าควรจะให้เพื่อนบ้านรู้ความจริงจะดีกว่า เพื่อที่จะได้หยุดอวดลูกสักที และที่สำคัญจะได้ไม่ต้องใช้จ่ายฟุ่ยเฟือยกับเงินที่ลูกชายหามาด้วยหยาดเหงื่อ
"ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่เพื่อนบ้านจะได้รู้ความจริง ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม ?" หญิงรายนี้ กล่าว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha