ไวรัลชวนยิ้ม เมื่อพ่อพาลูกแฝดสามวัย 8 เดือน นั่งรถไฟ จับใส่เป้แขวนเบาะเรียงแถว ผลที่ได้เกินคาด คนดูทึ่ง
ภาพจาก Weibo
การเลี้ยงลูกน้อยวัยแบเบาะ ส่วนใหญ่มักจะเป็นหน้าที่ของคุณแม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูก ๆ อยู่ในความดูแลของคุณพ่อ เราอาจจะได้เห็นความแตกต่างอย่างที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน และเรื่องราวนี้ก็เช่นเดียวกัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีเหตุการณ์แปลกตาเกิดขึ้นบนขบวนรถไฟความเร็วสูง เมื่อคุณพ่อรายหนึ่งได้พาลูกแฝดสามนั่งโดยสาร "แบบพิเศษ" โดยการจับแขวนเรียงกันไว้ที่เบาะ ในขณะที่เด็ก ๆ ต่างอยู่กันอย่างสงบไม่มีร้องไห้งอแง แถมยังหลับสบาย กลายเป็นภาพที่ทำให้หลายคนบนโลกออนไลน์ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เผยว่า เด็กแฝดทั้ง 3 คน อายุ 8 เดือน พวกเขาเพิ่งได้สัมผัสประสบการณ์การนั่งรถไฟความเร็วสูงครั้งแรก เมื่อพ่อของพวกเขาได้พาเดินทางจากเมืองฉางชุน ไปยังเมืองจี๋หลิน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยพ่อได้อาศัยอุปกรณ์ช่วยอย่างเป้อุ้มเด็ก นำมันสวมเข้ากับเบาะนั่ง 3 ตัวที่อยู่ติดกัน และให้ลูก ๆ แต่ละคนอยู่บนนั้น
คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ โดยแสดงให้เห็นว่า เด็กแฝดทั้ง 3 คน กำลัง "ห้อยตัว" อย่างสบาย ๆ ในเป้อุ้มเด็กที่ติดอยู่กับที่นั่ง แต่ละคนอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่ดิ้นโวยวายหรือร้องไห้งอแง ต่างมีท่าทางใจเย็นและอดทนในระหว่างที่รอให้พ่อมาป้อนอาหารให้ทีละคน บางจังหวะก็ยิ้มและหันไปสบตากัน และมีคนหนึ่งที่อยู่ริมหน้าต่างเคลิบเคลิ้มจนนอนหลับไป
ภาพจาก Weibo
ผู้ใช้โซเชียลพากันเข้าไปแสดงความประหลาดใจ พร้อมทั้งชื่นชมคุณพ่อรายนี้ที่ทั้งมีความใส่ใจและมีวิธีแก้ปัญหาอันชาญฉลาด หลายคนแซวขำขันทำนองว่า แบบนี้ต้องคิดค่าโดยสารเป็นรูปแบบ "ตั๋วแขวน" ไม่ใช่ตั๋วนั่งแบบทั่วไป นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมเด็กแฝดทั้งสามว่ามีพฤติกรรมที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก เลี้ยงง่ายแถมยังอารมณ์ดี เห็นแล้วก็ยิ้มตามไปด้วย
คอมเมนต์รายหนึ่ง กล่าวว่า "ทุกคนต่างรู้ดีว่า ปัญหาเด็กส่งเสียงดังบนระบบขนส่งสาธารณะ มันน่าหงุดหงิดและรำคาญใจมากแค่ไหน ภาพที่ปรากฏเช่นนี้จึงเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก คุณพ่อคนนี้เป็นคุณพ่อที่สุดยอดจริง ๆ"
ทางคุณพ่อ (ไม่ได้เปิดชื่อ) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นกล่าวถึงเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ว่า "เรากำลังเดินทางอยู่บนรถไฟความเร็วสูง และถึงเวลาให้อาหารประจำวันของเด็ก ๆ ฉันจึงแขวนพวกเขาไว้ตรงที่นั่งเพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น"
ภาพจาก Weibo
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post