สลด รถบรรทุกน้ำมันคว่ำ คนรุมตักน้ำมันก่อนตูมสนั่น คร่า 147 ศพ สาหัสเพียบ

            รถบรรทุกน้ำมันคว่ำที่ไนจีเรีย ฝูงชนแห่ตักน้ำมันไม่สนคำเตือน ก่อนระเบิดสนั่น คร่า 147 ศพ สาหัสหลายสิบราย นับเป็นหนึ่งในความสูญเสียเลวร้ายที่สุด

            วันที่ 16 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำบนถนนทางด่วนใกล้เมืองมาจิยา ในรัฐจิกาวา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรีย ก่อนจะเกิดเหตุระเบิดตามมา ในขณะที่ฝูงชนแห่เข้าไปตักน้ำมันโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของเจ้าหน้าที่ เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 147 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกหลายสิบราย นับเป็นหนึ่งในเหตุเลวร้ายที่สุดของเหตุการณ์ลักษณะนี้ ซึ่งเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

            เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนขับเสียหลักชนบนทางด่วน จากนั้นผู้คนมากมายก็มารวมตัวกันเพื่อใช้ถ้วยและถังตักน้ำมัน ก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้น

            "ผู้คนมารวมตัวกันรอบที่เกิดเหตุ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก" โฆษกกองบัญชาการตำรวจรัฐจิกาวา ระบุ และเผยว่าเจ้าหน้าที่เตือนไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้รถแล้ว แต่ถูกผู้คนเมินเฉย พวกเขายังเข้ามาล้อมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้วยซ้ำ


            อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถบรรทุกน้ำมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำที่ไนจีเรีย หนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก เนื่องจากการขนส่งทางรถยนต์เป็นการขนส่งที่ได้รับความนิยมที่สุดในการส่งสินค้าข้ามประเทศ เหตุเพราะโครงฐานพื้นฐานรถไฟไม่เพียงพอและสนามบินหลายแห่งไม่ได้ถูกใช้งาน นอกจากนี้ทั่วประเทศยังมีเหตุน้ำมันรั่วไหลเกิดขึ้นหลายร้อยครั้งในแต่ละปี
            เชื้อเพลิงกลายมาเป็นสินค้าที่ผู้คนต้องการเทียบเท่าอาหาร ในพื้นที่ยากจนของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของทวีฟแอฟริกา ขณะที่ภาวะเศรษฐอยู่ในภาวะเลวร้ายที่สุด ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 3 เท่านับตั้งแต่ต้นปี 2566 เมื่อรัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนราคาน้ำมัน ทำให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพ และในสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทน้ำมันของรัฐยังประกาศขึ้นราคาน้ำมันอีก รอบที่ 2 ใน 1 เดือน  
 
            ดังนั้นแม้จะมีความเสี่ยง แต่ยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่แห่ไปยังจุดเกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันคว่ำ เพื่อจะตักเอาน้ำมันที่รั่วไกลกลับมาใช้ที่บ้านเรือนหรือขายต่อ โดยขณะนี้ทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงปิโตรเลียม ได้สั่งให้หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดแล้ว
 
ขอบคุณข้อมูลจาก The Guardian