อีเมลแจ้งเรื่องมรดกพันล้าน ทำครอบครัวล่มสลาย สามีตาย ภรรยาติดคุก 25 ปี ชี้เป็นคนวางยา เชื่อเขาจะขอเลิกหลังได้มรดก ลูกชายเผยความจริงพลิกผัน สะเทือนใจกว่าเดิม
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า ครอบครัวหนึ่งในรัฐนอร์ทดาโกตา ทางของเหนือของสหรัฐฯ มีอันต้องพบกับชะตากรรมสุดเลวร้าย หลังจากที่ สตีเวน ไรลีย์ จูเนียร์ วัย 51 ปี ได้รับอีเมลแจ้งว่าเขากำลังจะได้รับมรดกก้อนโต มูลค่าถึง 30 ล้านเหรียญ หรือราว 1 พันล้านบาท ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน เขากลับต้องจบชีวิตลงจากการถูกวางยา ขณะที่ อินา เธีย เคนอยเออร์ ภรรยาวัย 48 ปี ต้องรับโทษจำคุก 25 ปี
ความจริงปรากฏว่า เคโนเยอร์เป็นคนวางยาพิษสามี ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เธอบังเอิญเห็นอีเมลของเขา เธอเชื่อว่าเขากำลังจะได้รับเงินมรดกมหาศาลและมีแผนที่จะเลิกกับเธอ อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าตัวเองก็มีสิทธิ์ในมรดกนั้นเช่นกัน เนื่องจากตัวเองเป็นภรรยาของเขาแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ตาม จึงตัดสินใจลงมือฆ่าสามี หวังเอาเงินมรดกที่ได้มาแบ่งกับลูกชายต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Steven Riley
ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนพบว่า ในวันที่ 3 กันยายน 2566 จู่ ๆ ไรลีย์ก็ล้มป่วยและอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่เดินทางไปพบทนายความเพื่อจะทำธุรกรรมเกี่ยวกับการรับโอนมรดก เจ้าหน้าที่ถูกเรียกมาที่บ้านของเขาในวันรุ่งขึ้น แต่พบว่าไรลีย์อยู่ในสภาพไม่ตอบสนองแล้ว เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 5 กันยายน
ผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่าไรลีย์เสียชีวิตเนื่องจากพิษของสารเอทิลีนไกลคอล (ethylene glycol) อันเป็นสารพิษที่มักพบในสารต้านการเยือกแข็ง เพื่อนและครอบครัวของไรลีย์ได้แสดงความกังวลกับทางตำรวจว่า ภรรยาของผู้ตายน่าจะใช้สารต้านการเยือกแข็งวางยาเขา เป็นผลให้ไรลีย์เสียชีวิต
ขณะที่เคนอยเออร์ อ้างว่าสามีดื่มแอลกอฮอล์ทั้งวัน และมีอาการฮีตสโตรกไม่กี่วันก่อนหน้านั้น แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้เรื่องมรดกดังกล่าว
จากการสอบสวน ทางตำรวจได้จับกุมภรรยาของผู้ตายและแจ้งข้อหาฆาตกรรมในเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งต่อมาระหว่างการพิจารณาคดีในเดือนพฤษภาคม 2567 เคนอยเออร์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนวางยาสามีจริง นำมาสู่การพิจารณาคดีในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเธอถูกตัดสินให้รับโทษจำคุก 25 ปี คุมความประพฤติ 10 ปี และให้จ่ายค่าเสียหาย 3,455 เหรียญ หรือราว 115,000 บาท แก่ครอบครัวของผู้ตาย
ในส่วนของมรดกพันล้านซึ่งเป็นต้นตอของเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดนั้น เจ้าหน้าที่ยังสงสัยว่ามรดกดังกล่าวนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ขณะที่ ไรอัน ไรลีย์ ลูกชายวัย 21 ของผู้ตาย เผยกับสื่อว่า พ่อแม่ของเขาน่าจะตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงทางออนไลน์เข้าแล้ว และไม่น่าจะมีเงินดังกล่าวอยู่จริงตั้งแต่แรก
ขอบคุณข้อมูลจาก New York Post, CBS News
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Steven Riley
วันที่ 20 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า ครอบครัวหนึ่งในรัฐนอร์ทดาโกตา ทางของเหนือของสหรัฐฯ มีอันต้องพบกับชะตากรรมสุดเลวร้าย หลังจากที่ สตีเวน ไรลีย์ จูเนียร์ วัย 51 ปี ได้รับอีเมลแจ้งว่าเขากำลังจะได้รับมรดกก้อนโต มูลค่าถึง 30 ล้านเหรียญ หรือราว 1 พันล้านบาท ซึ่งในเวลาเพียงไม่นาน เขากลับต้องจบชีวิตลงจากการถูกวางยา ขณะที่ อินา เธีย เคนอยเออร์ ภรรยาวัย 48 ปี ต้องรับโทษจำคุก 25 ปี
ความจริงปรากฏว่า เคโนเยอร์เป็นคนวางยาพิษสามี ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เธอบังเอิญเห็นอีเมลของเขา เธอเชื่อว่าเขากำลังจะได้รับเงินมรดกมหาศาลและมีแผนที่จะเลิกกับเธอ อย่างไรก็ตาม เธอมองว่าตัวเองก็มีสิทธิ์ในมรดกนั้นเช่นกัน เนื่องจากตัวเองเป็นภรรยาของเขาแม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็ตาม จึงตัดสินใจลงมือฆ่าสามี หวังเอาเงินมรดกที่ได้มาแบ่งกับลูกชายต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Steven Riley
ข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนพบว่า ในวันที่ 3 กันยายน 2566 จู่ ๆ ไรลีย์ก็ล้มป่วยและอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่เดินทางไปพบทนายความเพื่อจะทำธุรกรรมเกี่ยวกับการรับโอนมรดก เจ้าหน้าที่ถูกเรียกมาที่บ้านของเขาในวันรุ่งขึ้น แต่พบว่าไรลีย์อยู่ในสภาพไม่ตอบสนองแล้ว เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในวันที่ 5 กันยายน
ผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่าไรลีย์เสียชีวิตเนื่องจากพิษของสารเอทิลีนไกลคอล (ethylene glycol) อันเป็นสารพิษที่มักพบในสารต้านการเยือกแข็ง เพื่อนและครอบครัวของไรลีย์ได้แสดงความกังวลกับทางตำรวจว่า ภรรยาของผู้ตายน่าจะใช้สารต้านการเยือกแข็งวางยาเขา เป็นผลให้ไรลีย์เสียชีวิต
ขณะที่เคนอยเออร์ อ้างว่าสามีดื่มแอลกอฮอล์ทั้งวัน และมีอาการฮีตสโตรกไม่กี่วันก่อนหน้านั้น แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้เรื่องมรดกดังกล่าว
จากการสอบสวน ทางตำรวจได้จับกุมภรรยาของผู้ตายและแจ้งข้อหาฆาตกรรมในเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งต่อมาระหว่างการพิจารณาคดีในเดือนพฤษภาคม 2567 เคนอยเออร์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนวางยาสามีจริง นำมาสู่การพิจารณาคดีในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเธอถูกตัดสินให้รับโทษจำคุก 25 ปี คุมความประพฤติ 10 ปี และให้จ่ายค่าเสียหาย 3,455 เหรียญ หรือราว 115,000 บาท แก่ครอบครัวของผู้ตาย
ในส่วนของมรดกพันล้านซึ่งเป็นต้นตอของเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดนั้น เจ้าหน้าที่ยังสงสัยว่ามรดกดังกล่าวนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ขณะที่ ไรอัน ไรลีย์ ลูกชายวัย 21 ของผู้ตาย เผยกับสื่อว่า พ่อแม่ของเขาน่าจะตกเป็นเหยื่อการหลอกลวงทางออนไลน์เข้าแล้ว และไม่น่าจะมีเงินดังกล่าวอยู่จริงตั้งแต่แรก