ทนายตั้ม ษิทรา ชี้แจงที่มาความรวย เล่ามีลูกความซัพพอร์ต ให้เงินเดือน 3 แสน และอีก 2 ล้านยูโร ล่าสุดโต้สื่อดังกล่าวหาฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน
ภาพจาก โหนกระแส
กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กรณีวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดใจในรายการโหนกระแส หลังเดินหน้าเคลียร์ใจกับ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ผนึกกำลังร่วมใจลุยสู้คดี ดิไอคอนกรุ๊ป
ช่วงหนึ่ง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกร ได้สอบถาม ทนายตั้ม ถึงประเด็นที่สังคมบางส่วนมองว่าอาจเป็น ทนายสีเทา จากการที่ใช้ของแบรนด์เนม ดูร่ำรวยเกินกว่าอาชีพทนายทั่วไป
ทนายตั้ม เล่าว่า ที่ผ่านมาตอนทำออฟฟิศ ษิทรา ลอว์เฟิร์ม รายได้ตน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งตนก็แจงภาษีครบหมด แล้วที่เห็นตนไปต่างประเทศบ่อย ตนไปกับลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีที่อยู่ในต่างประเทศ เขาทำธุรกิจหลายอย่างในประเทศไทย ที่จ้างให้ตนช่วยดูแลทำธุระต่าง ๆ ในเมืองไทยแทนเขา และให้เงินเดือนตน 3 แสนบาท
ที่เห็นว่าตนไปเมืองนอก ตนไปกับลูกความ รายได้ต่าง ๆ ที่ได้มา ได้มาจากมหาเศรษฐีคนนี้เป็นส่วนใหญ่ เขาซัพพอร์ตแทบทุกอย่าง เคยได้เงินจากเขามาถึง 2 ล้านยูโร (ประมาณ 70 ล้านบาท) ที่เขาให้มาเพื่อจะเอาเงินเหล่านี้เข้ามาในไทย โดยตนก็หาวิธีทำโปรเจกต์อะไรต่าง ๆ เพื่อรับเงินจากเขาเข้ามาโดยไม่เสียภาษี 40 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า การรับเงิน 70 ล้าน
เป็นเงินที่รับมาเพื่อให้ไปจัดการคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หรือไม่ ทนายตั้ม บอกว่า
ให้ไปดูไทม์ไลน์ได้ว่ามันคนละช่วงเวลากัน ไม่ได้เกี่ยวกัน
แล้วสุดท้ายเคสพิพาทกับคุณชูวิทย์
เขาก็ออกมาบอกว่าเข้าใจตนผิดไปเรื่องเว็บพนัน มันก็จบไปแล้ว
เรื่องทั้งหมดที่ออกมาพูด ถ้าตนไม่มั่นใจว่าตรงไปตรงมา
ตนคงไม่กล้าพูดออกรายการขนาดนี้ ยืนยันว่าพร้อมให้ตรวจสอบได้หมด
ขณะเดียวกัน หลังจบรายการพบว่า ในบางสื่อและเพจชื่อดังออกมาตั้งข้อสงสัยกรณีเงิน 71 ล้านที่ทนายตั้มเผยว่าลูกความให้มา โดยอ้างว่าที่จริงเงินจำนวนดังกล่าวน่าจะเป็นเงินที่ต้องนำไปพัฒนาบริษัทแห่งหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าไม่นานนี้ ทนายตั้ม ได้ถูกลูกความแจ้งความไว้ที่ปากช่อง ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องให้ ทนายตั้ม ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ต่อไป
ต่อมา ทนายตั้ม โพสต์ข้อความผ่านเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุว่า "พี่...ลงข่าวว่าผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหมใครหน้าแหก ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว"
ภาพจาก โหนกระแส
กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ กรณีวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เปิดใจในรายการโหนกระแส หลังเดินหน้าเคลียร์ใจกับ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ผนึกกำลังร่วมใจลุยสู้คดี ดิไอคอนกรุ๊ป
ช่วงหนึ่ง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกร ได้สอบถาม ทนายตั้ม ถึงประเด็นที่สังคมบางส่วนมองว่าอาจเป็น ทนายสีเทา จากการที่ใช้ของแบรนด์เนม ดูร่ำรวยเกินกว่าอาชีพทนายทั่วไป
ทนายตั้ม เล่าว่า ที่ผ่านมาตอนทำออฟฟิศ ษิทรา ลอว์เฟิร์ม รายได้ตน 1 ปี ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งตนก็แจงภาษีครบหมด แล้วที่เห็นตนไปต่างประเทศบ่อย ตนไปกับลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีที่อยู่ในต่างประเทศ เขาทำธุรกิจหลายอย่างในประเทศไทย ที่จ้างให้ตนช่วยดูแลทำธุระต่าง ๆ ในเมืองไทยแทนเขา และให้เงินเดือนตน 3 แสนบาท
ที่เห็นว่าตนไปเมืองนอก ตนไปกับลูกความ รายได้ต่าง ๆ ที่ได้มา ได้มาจากมหาเศรษฐีคนนี้เป็นส่วนใหญ่ เขาซัพพอร์ตแทบทุกอย่าง เคยได้เงินจากเขามาถึง 2 ล้านยูโร (ประมาณ 70 ล้านบาท) ที่เขาให้มาเพื่อจะเอาเงินเหล่านี้เข้ามาในไทย โดยตนก็หาวิธีทำโปรเจกต์อะไรต่าง ๆ เพื่อรับเงินจากเขาเข้ามาโดยไม่เสียภาษี 40 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน หลังจบรายการพบว่า ในบางสื่อและเพจชื่อดังออกมาตั้งข้อสงสัยกรณีเงิน 71 ล้านที่ทนายตั้มเผยว่าลูกความให้มา โดยอ้างว่าที่จริงเงินจำนวนดังกล่าวน่าจะเป็นเงินที่ต้องนำไปพัฒนาบริษัทแห่งหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ รวมทั้งมีกระแสข่าวว่าไม่นานนี้ ทนายตั้ม ได้ถูกลูกความแจ้งความไว้ที่ปากช่อง ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องให้ ทนายตั้ม ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ต่อไป
ต่อมา ทนายตั้ม โพสต์ข้อความผ่านเพจ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ระบุว่า "พี่...ลงข่าวว่าผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหมใครหน้าแหก ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว"
นอกจากนี้ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า "ดวงผมมันเป็นอย่างนี้แหละครับ ทุบมาเลย ยิ่งทุบยิ่งมันส์"