วงจรปิดบีบหัวใจ แม่ถูกแก๊สระเบิดจนสาหัส แขน-ขาลอก สิ่งแรกที่ทำคือช่วยลูก

          ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอ แม้แต่ในสถานการณ์คับขันถึงชีวิต สิ่งที่แม่ห่วงยิ่งกว่าตัวเองก็คือความปลอดภัยของลูกน้อย สิ่งนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นชัดจากคลิปไวรัลบีบหัวใจ เมื่อแม่คนหนึ่งยอมข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ถูกไฟเผาไปทั่วร่าง เพื่อวิ่งเข้าไปช่วยลูกชายตัวน้อยก่อนเป็นอันดับแรก หลังเกิดเหตุแก๊สระเบิดภายในครัว จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส


          สภาพของเธอตอนนั้นเจ็บปวดทรมานมากอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เธอก็ยังพยายามส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ รวมถึงรวบรวมสติ รีบหยิบโทรศัพท์โทร. ไปหาสามี จากนั้นเมื่อเพื่อนบ้านมาเคาะประตู เธอก็ข่มกลั้นความเจ็บปวด ลุกขึ้นไปเปิดประตูและขอร้องให้เพื่อนบ้านช่วยลูกของเธอก่อนและโทร. เรียกกู้ภัยมาช่วย
          ด้าน ซูเสียวหุย ซึ่งทำงานเป็นช่างทำผม รีบกลับมาบ้านทันทีและต้องช็อกกับสภาพของภรรยาที่ถูกไฟเผาไปทั้งตัว ผมของเธอไหม้ ผิวหนังลอกออกจากมือบวม ๆ และขา ใบหน้าขาวซีดเพราะโดนความร้อน โดยระหว่างทางไปโรงพยาบาล ภรรยายังเฝ้าถามถึงลูกชาย และฝากฝังเขาให้ดูแลลูกชายดี ๆ

          ทั้งนี้ สำหรับคลิปวงจรปิดตอนที่เกิดเหตุแก๊สระเบิด กลายมาเป็นไวรัลที่มีคนเข้าไปดูกว่า 9 ล้านครั้ง ในเวลาเพียง 10 วัน ภาพบีบหัวใจและความรักยิ่งใหญ่ของผู้เป็นแม่ ทำให้ชาวเน็ตตื้นตันใจอย่างมากในความเสียสละของหวงเจียเหม่ย โดยมีผู้คนมากมายพร้อมจะช่วยเหลือ และบริจาคเงินแก่ครอบครัวจำนวนกว่า 1 ล้านหยวน (ราว 4.7 ล้านบาท) แล้ว
          สำหรับข้อความที่ ซูเสียวหุย โพสต์บรรยายไว้พร้อมกับคลิปวงจรปิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่า "ความรักของแม่ ผมร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ดูคลิปนี้ ภรรยาของผมถูกแรงระเบิดในครัว ทั้งมือ เท้า และใบหน้าของเธอล้วนถูกเผาจากความร้อนสูง แต่เธอยังดูแลลูก คุกเข่าลงไปพยายามจะอุ้มลูกไปยังที่ปลอดภัย เธอตะโกนขอความช่วยเหลือและรอจนเพื่อนบ้านมา เธอข่มกลั้นความเจ็บปวดเดินไปเปิดประตู ขอให้พวกเขาช่วยเด็กไปก่อนแล้วโทร. เรียกหน่วยฉุกเฉิน

          ตอนที่ผมไปถึง ผิวที่มือและเท้าของเธอหลุดลอกออกมาแล้ว ตอนที่เธอนอนอยู่ในรถพยาบาล เธอเฝ้าตะโกนขอให้ผมดูแลลูกให้ดี จากนั้นเธอถูกส่งไปโรงพยาบาลแห่งแรก แต่หมอบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง
          ต่อมาเธอถูกส่งเข้าห้องไอซียูของโรงพยาบาลแห่งที่ 2 เพื่อทำการรักษา ระหว่างทางเธอยังพึมพำขอให้ผมดูแลลูก เธอเสียโฉมและไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ผมทำได้แค่ปลอบเธอเงียบ ๆ หลังการตรวจทางโรงพยาบาลคาดว่าต้องใช้เงินประมาณ 500,000 หยวน (ราว 2.3 ล้านบาท) ในการรักษา ผมเป็นคนเดียวในบ้านที่ทำงาน และตอนนี้ก็ต้องดูแลภรรยา โชคดีที่เพื่อน ๆ รอบตัวผมเข้ามาช่วย"

          ทั้งนี้ เขายังกล่าวขอบคุณสำหรับเงินบริจาคที่ได้รับมาจากผู้มีจิตใจดีทุกคน และยืนยันว่าเขาจะคอยอยู่เคียงข้างภรรยาเสมอ และภาวนาให้การผ่าตัดดำเนินไปอย่างราบรื่น
          อนึ่ง ร่างกายของ หวงเจียเหม่ย มีแผลไฟไหม้ระดับ 2 อยู่ถึง 60-70% ส่วนลูกชายมีรอยขีดข่วนที่หลัง โดย จินฟาง แพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งที่สองของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ยอมรับว่า เขานึกภาพไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าผู้ป่วยอุ้มลูกขึ้นมาอย่างมั่นคงและอ่อนโยนขนาดนั้นได้อย่างไร ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น โดยขณะนี้อาการของเธออยู่ในขั้นวิกฤต
 
          ในวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา หวงเจียเหม่ยได้เข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกแล้วเพื่อนำผิวหนังที่ตายออกมา ขณะที่ผู้เป็นสามีเผยว่า เขาไม่อาจจินตนาการถึงความเจ็บปวดของภรรยาได้ แต่เธอยังคงร่าเริงเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เขานำคลิปของลูกชายไปให้ดู
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP, Douyin 奇梅异卉之诺