ดราม่า จากคนรับใช้ในบ้าน วีณา ศิลาสุวรรณ เศรษฐินีแห่งสมุทรสาคร ยกให้เป็นบุตรบุญธรรม กลายเป็นผู้จัดการมรดกกว่า 500 ล้านบาท ด้านเจ้าหน้าที่ออกมาชี้ โดนปลอมลายเซ็น โดนร้องเรียนจนตกงาน เพราะไปเป็นพยานเรื่องปลอมลายเซ็น งานนี้จบไม่ง่าย
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจ กรณี คนรับใช้คนสนิท ได้รับมรดก 500 ล้านจาก คุณวีณา ศิลาสุวรรณ เศรษฐีนีแห่ง จ.สมุทรสาคร แต่ญาติ ๆ ได้มีการร้องเรียนว่า การจดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมของคุณวีณาไม่ถูกต้อง เพราะคุณวีณามีอาการหลงลืม จนกระทั่งเร็ว ๆ นี้ยังมีประเด็นที่อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอ ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ กรณีถูกบีบออกจากงานเนื่องจากถูกปลอมลายเซ็นในรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวอีกด้วยนั้น
ประวัติ คุณวีณา ศิลาสุวรรณ คือใคร เศรษฐีนีคนสำคัญ จ.สมุทรสาคร
คุณวีณา ศิลาสุวรรณ เป็นเศรษฐีนีในพื้นที่ เจ้าของบ้านศิลาสุวรรณ ซึ่งเป็นเรือนไม้สักทองโบราณ 2 ชั้น อายุเก่าแก่กว่า 90ปี เธอถือเป็นผู้ใจบุญคนหนึ่งที่คอยดูแลสนับสนุนชาวสมุทรสาครมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการก่อสร้างโรงพยาบาลนครท่าฉลอม ได้บริจาคที่ดินในการก่อสร้างและบริจาคเงินช่วยเหลือเรื่องต่าง ๆ อีกมากมาย โดยคุณวีณา เสียชีวิตลงเมื่อปี 2564
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ส่องต้นเหตุดราม่า มรดก 500 ล้าน ครอบครัว - บุตรบุญธรรม
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ทนายความของสมาชิกในครอบครัวคุณวีนา ยื่นฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรม ของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ โดยก่อนหน้านี้ ได้มีคนรับใช้ในบ้านซึ่งเป็นคนสนิทของคุณวีณา ไปยื่นเรื่องเพื่อให้รับรองตัวเองเป็นบุตรบุญธรรม และมีการนำเอกสารมาให้คุณวีณาเซ็น จนสุดท้ายเรื่องก็ได้รับการอนุมัติ ให้หญิงคนดังกล่าวเป็นบุตรบุญธรรมของคุณวีณา
เมื่อคุณวีณาเสียชีวิตลง หญิงคนดังกล่าวซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นบุตรบุญธรรมจึงยื่นเรื่องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกไปแล้ว ทำให้คนใกล้ชิดคนอื่น ๆ ในตระกูลไม่มีสิทธิ์
ทนายเล่าพฤติกรรมของสาวใช้รายนี้ว่า เมื่อปี 2560 ตนเคยเดินทางเข้าพบกับคุณวีณา เพื่อทำเรื่องเอกสารต่าง ๆ เพราะตอนนั้นคุณวีณาเริ่มมีอาการหลงลืมแล้ว แต่ตนก็ถูกหญิงรายนี้กีดกันไม่ให้พบ เรื่องนี้ทางญาตินั้นไม่ทราบเรื่องมาก่อน มารู้ประมาณกุมภาพันธ์ 2565 จึงเริ่มตรวจสอบพบ จากนั้นจึงรีบดำเนินการทางกฎหมาย ส่วนเรื่องพินัยกรรมนั้น ทางญาติพี่น้องก็เข้าใจว่ามีแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน
ด้าน นายรัชต์พล ศิลาสุวรรณ หลานชายคุณป้าวีณา เปิดเผยว่า ตนเชื่อว่าในขณะที่มีการนำเอกสารรับรองบุตรบุญธรรมมาให้เซ็น คุณป้าน่าจะมีภาวะหลงลืม ที่สำคัญเรื่องอาการหลงลืมนั้น ก็มีการรับรองจากแพทย์ในขณะนั้น ซึ่งก็ปรากฏในรายงานการรักษา ดังนั้นจึงต้องออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ไทม์ไลน์สำคัญ คดีมรดก 500 ล้าน วีณา ศิลาสุวรรณ
- ปี2561 สาวใช้พาลูกไปขอจดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรม ของวีณา
- ปี2562 สาวใช้ไปจดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมของวีณา ได้รับอนุมัติ
- ปี2563 พม.จ.สมุทรสาคร ไม่อนุมัติให้ลูกสาวของสาวใช้ เพราะคุณวีณามีอาการหลงลืมแล้ว
- ปี2564 คุณวีณา เสียชีวิต
- ปี2565 สาวใช้ขอศาลเป็นผู้จัดการมรดก
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
จุดเปลี่ยนของคดี ศาลไม่รับรองบุตร ครอบครัวเดินหน้าฟ้องร้อง
อย่างไรก็ดี ต้นปี 2567 ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนรับบุตรบุญธรรมของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ หลังญาติ ๆ ร้องเรียนว่า สาวใช้ในบ้านแอบไปจดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมของนางวีณาในช่วงที่นางวีณาหลง ๆ ลืม ๆ จากนั้นเมื่อคุณวีณาเสียชีวิต สาวใช้ก็แอบไปขอศาลเป็นผู้จัดการมรดก ทำให้ทรัพย์สินมูลค่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตกไปอยู่ในมือของสาวใช้คนนี้แล้ว
ขั้นตอนจากนี้ ญาติ ๆ จะดำเนินการติดตาม การดำเนินคดีกับสาวใช้คนดังกล่าวในข้อหาปลอมเอกสารราชการ ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ ร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิด และปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157
เปิดตัวพยานคนสำคัญ ถูกปลอมลายเซ็น กลุ้มโดนกดดันจนพ้นตำแหน่ง
น.ส.ธัญญรส หรือ เก่ง อายุ 37 ปี อดีตลูกจ้างสาวฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาคร เข้าร้องเรียนสายไหมต้องรอด หลังถูกให้ออกงานโดยไม่เป็นธรรม กรณีที่มีสาวใช้คนหนึ่ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอ ปลอมแปลงเอกสารราชการ และปลอมลายเซ็นของตัวเธอ ใช้เอกสารการจดบุตรบุญธรรม ของคุณวีณา ศิลาสุวรรณ
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ที่ผ่านมา ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างฝ่ายทะเบียน อำเภอเมืองสมุทรสาครมานานกว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา จนเมื่อมีข่าวเรื่องการรับบุตรบุญธรรม ซึ่งครอบครัวเศรษฐินี ร้องให้ตรวจสอบเอกสารการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าวว่าทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตนจึงค้นหาเอกสาร เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบ ก่อนพบว่าในเอกสารการรับบุตรบุญธรรมมีชื่อตัวเธอลงชื่อเป็นพยาน ทั้งที่ความจริง เธอมีหน้าที่ในการรับจดทะเบียนเท่านั้น ไม่สามารถไปลงชื่อในฐานะพยานได้ ทำให้เธอเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เรื่องการลงลายมือชื่อเป็นเท็จ
ต่อมาต้นปี 2567 ศามีคำพิพากษาให้เพิกถอนการจดรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว ทำให้ไม่มีสิทธิรับมรดกกว่า 500 ล้านบาท เธอคิดว่าจบเรื่อง จึงกลับมาทำงานตามปกติ ต่อมาปลายปี 2567 กลับถูกประเมินจากเพื่อนร่วมงานว่าขาดจริยธรรมในการทำงาน จึงถูกบีบให้ออกจากงาน เธอจึงเชื่อว่าการประเมินดังกล่าวเป็นผลมาจากที่เธอไปแจ้งความ ทำให้สาวใช้รายนี้อดรับมรดกกว่า 500 ล้านบาท และอาจจะทำให้มีผู้ใหญ่บางคนเสียผลประโยชน์ จึงมองว่าสิ่งที่ต้องเจอนั้นไม่เป็นธรรม เพราะทำงานมาไม่เคยถูกร้องเรียนมาก่อน จึงคิดว่าโดนกลั่นแกล้งให้ออกจากงานอย่างแน่นอน
สามีของ น.ส.ธัญญรส บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ภรรยาเสียใจมาก 2 เดือนที่ถูกให้ออกจากงานไม่เคยเห็นภรรยายิ้มอีกเลย ตอนนี้ภรรยาอยู่ในภาวะซึมเศร้า ร้องไห้ทุกวัน จึงตัดสินใจมาร้องเพจสายไหมต้องรอด ที่ผ่านมาร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักนายกรัฐมนตรี ศูนย์ดำรงธรรม หรือส่งหนังสือไปถึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดใด
พิรุธลายเซ็น ไม่ตรงกับตัวจริง - แชตปริศนา เสนอให้เงิน ซ้ำเย้ยเมื่อถูกไล่
จากกรณีดังกล่าว มีการเปิดเผยภาพลายเซ็นของ น.ส.ธัญญรส ลายเซ็นจริงเธอชื่อจริง คือ ธัญญรส เธอเซ็นคล้ายตัว P ส่วนลายเซ็นในเอกสารบุตรบุญธรรมของคุณวีณา เศรษฐินี คล้ายตัว ธ.มากกว่า
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
สามีให้ข้อมูลว่า หลังจากภรรยาถูกให้ออก ตอนแรกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ภรรยา โทรศัพท์ไปลาหัวหน้างานจนทราบว่า หัวหน้างานเป็นคนประเมินให้ไม่ผ่านเกณฑ์เอง โดยให้เหตุผลว่า เธอเป็นคนทำงานได้ดี แต่คุณธรรมจริยธรรมกับเพื่อนร่วมงานคะแนนไม่ดี ประกอบกับมีประชาชนร้องเรียนการทำงานของเธอและเพื่อนร่วมงานคนอื่นเข้ามา บางช่วงหัวหน้างานของเธอยังบอกอีกว่า เอกสารการร้องเรียนมีเป็นปึกเลย ซึ่งตัวเธอก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร
เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ มีแชตปริศนาส่งมาระบุว่า "ฝ่ายนั้นให้เท่าไหร่ ผมให้เป็นสองเท่า สนใจก็โทร. มาครับ ตอนนี้หลักฐานที่จะเอาผิดคุณที่เซ็นแทนคนอื่นเหมือนกัน จะดูไหมครับ ถ้าอยากดูนัดคุยได้เลย อีกเรื่องคุณเอาเอกสารราชการมาเปิดเผย ผมจะฟ้องคุณอีกคดี คุณลืมไปแล้วหรือ ก่อนที่ล่าสุดจะส่งมาว่า "เสียใจด้วยนะโดนออกแล้ว"
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ฟีงอีกมุมจากคนสนิท คุณวีณา เปิดคลิปยันเจตนายกมรดกให้
ด้าน นาง จ. สาวใช้ของคุณป้าวีณา ที่ตกเป็นข่าวกรณีฮุบสมบัติ 500 ล้าน ชี้แจงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณป้าวีณาอย่างละเอียด พร้อมชี้แจงเรื่องลายเซ็นของ คุณธัญญรส ด้วย ซึ่งปัจจุบัน ในบ้านศิลาสุวรรณ ยังคงมีศพของคุณวีณาตั้งอยู่ในโลงบรรจุร่างที่ชั้นล่าง
นาง จ. พูดคุยเปิดใจและชี้แจงหลักฐานโดยไม่ได้ให้บันทึกภาพ ยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากคดียังอยู่ในชั้นศาล และเกรงว่าจะไปก้าวล่วงคนใกล้ชิด แต่ได้มอบคลิปเมื่อปี 2561 ขณะคุณวีณา เข้ารักษาตัว โดยเรียกให้เธอและสามีบันทึกเป็นหลักฐาน ซึ่งในคลิปจะมีเธอถามคุณวีณาว่า แม่อยากพูดอะไรพูด
ในคลิป คุณวีณา กล่าวว่า "ถ้าเราหมดลมไป ก่อนที่จะหมดลมเนี่ย อยากจะฝากบ้านศิลาสุวรรณไว้ ฝากให้ ต. (สามีของหญิงที่รับเป็นบุตรบุญธรรม) เขาไว้ก็แล้วกัน เพราะเขาเป็นทนายหน่อย ๆ ซึ่งสามีของหญิงรายนี้ ก็ตอบว่าบอกว่าจะดูแลให้ คุณวีณา พูดอีกว่าช่วยดูแลบ้านศิลาสุวรรณให้ดีด้วยเงินทองมีอยู่ เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้เบิกจากธนาคารได้ แต่เวลานี้ยังนึกไม่ออก นึกได้แค่ตอนนี้ ให้ ต. จัดการไปก็แล้วกัน ก่อนที่นาย ต. จะกล่าวย้ำท้ายคลิปว่า เรื่องยอดค่าใช้จ่ายชำระไปหมดแล้ว คุณย่าไม่ต้องห่วง และคุณวีณาก็กล่าวว่า จัดการให้ด้วย และให้เรียกทนายมาคุยให้เป็นกิจลักษณะ
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ส่วนอีกคลิป บันทึกไว้เมื่อปี 2562 คุณวีณา ระบุว่า "เธอไม่ได้ทำเขาก็หาว่าเธอทำ เพราะเป็นคนใกล้ชิด เมื่อก่อนนี่ก็นึกว่าทำยังไงถึงจะรวย ซื้อที่ดินขายที่ดินก็รวยเร็ว เพราะเราสมองดี ดูอะไรแล้วมันไม่ผิด พอทำให้รวยแล้ว มีสมบัติแล้ว ตอนนี้ก็นั่งกลัวว่า จะถูกวางยาตาย โอ๊ย มนุษย์น่ะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ฉันจะตายก็เพราะพี่น้อง ฉันตายโดยเฉียบพลัน เมื่อก่อนนี้จน ก็อยากจะทำให้รวย ตอนนี้รวย ก็กลัวจะถูกฆ่าตาย ชีวิตเราไม่มีลูกมีเต้า ตายก็ตายไป ฉันตายแล้วอย่าให้ยุ่งแล้วกัน กลัวอย่างเดียว ตายแล้วกูจะเอาตรงนั้น กูจะเอาตรงนี้ มีอยู่วันได้ยินเค้าจะแบ่งสมบัติกันน่ะ อยากจะรู้ว่ามีอะไร ยังไง เท่าไหร่"
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
คนใกล้ชิดเปิดใจยืนยันไม่ใช่คนใช้ คุณวีณา ดูแลเหมือนลูกตั้งแต่เด็ก
หญิงคนสนิทของคนรับมรดก เปิดใจว่า ในวันที่ไปเซ็นบุตรบุญธรรม กุมภาพันธ์ 2562 เธอเป็นหนึ่งใน 5 คนที่ไปเป็นพยาน ซึ่งในภาพจะเห็นว่า คุณวีณา ไปที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรสาครเอง และเซ็นเอกสารด้วยตัวเองไม่ได้มีการบีบบังคับ และใบที่เซ็นก็คือใบ คร.14 ที่เป็นเอกสารรับรองบุตรบุญธรรม ไม่ได้มีการปลอมเอกสารหรือปลอมลายเซ็นแน่นอน
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ส่วนเรื่องลายเซ็นพยานที่มีชื่อเจ้าหน้าที่ ตอนแรกตนก็เตรียมจะไปเซ็นเป็นพยานเอง แต่เมื่อนาง จ. และสามี ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ ก็ชี้แจงกลับมาว่า จุดนี้เจ้าหน้าที่เซ็นจะมีน้ำหนักมากกว่า ตอนนั้นตนเองก็งงและไม่ได้เอะใจ เพราะคิดว่าเป็นระบบราชการ ส่วนเคสที่มีอดีตเจ้าหน้าที่ออกมาร้องเรียน และพยายามตั้งข้อสังเกตว่าเกี่ยวข้องกับการไปเป็นพยานในคดีลูกบุญธรรมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทางราชการ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่กลับมีการถูกนำไปโยง มองว่าไม่น่าเกี่ยวกัน และยืนยันว่าก็ไม่ได้รู้จักกับอดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนคนนี้
ส่วนที่มีการพูดว่า นาง จ. เป็น สาวใช้ ยืนยันว่า เป็นคนใกล้ชิดที่ดูแลคุณวีณามา และถูกอุปการะมาตั้งแต่ 7 ขวบ ที่ผ่านมาเดินทางไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศด้วยกัน ส่งเสียให้เรียน และคุณวีนาเป็นผู้ที่จัดงานแต่งงานให้กับหญิงรายนี้ โดยอยากให้มองว่า ถ้านาง จ. เป็นแค่สาวใช้ ทำไมในปี 2554 จึงมีการโอนบ้านครึ่งหนึ่งให้ นาง จ. และในปีดังกล่าวคุณวีณาก็มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ส่วนเรื่องการไปจดรับรองบุตรบุญธรรม สืบเนื่องจากปี 2560 คุณวีณา อยากจดรับรองลูกชายของหญิงรายนี้เป็นบุตรบุญธรรม แต่ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปีจากทาง พม. ซึ่งระหว่างนั้นคุณวีณา ก็กังวลเรื่องสุขภาพตัวเอง จึงตัดสินใจ จดรับรองให้หญิงคนสนิทรายนี้เป็นบุตรบุญธรรม ในปี 2562 มีผลการตรวจแพทย์ระบุว่ามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ สามารถขอรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมได้
หญิงคนสนิทเผยว่า ตอนนี้เธอสงสาร นาง จ. สาวใช้ และสามี ว่าทำไม่จู่ ๆ กลับมากลายเป็นจำเลยสังคม เพราะว่าเรื่องราวยังอยู่ในชั้นศาล และอยากวิงวอนสังว่าเหรียญมีสองด้าน ตอนนี้กลับมาถูกพุ่งเป้าจึงรู้สึกสงสารเขา เพราะการชีวิตค่อนข้างลำบาก
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
เผยสาเหตุยังต้องเก็บร่างคุณวีณา - แจงกีดกันครอบครัวจริงไหม
สำหรับร่างของคุณวีณา ได้ดำเนินการขอพระราชทานเพลิงศพเรียบร้อยแล้ว แต่ท้ายสุด ทางญาติของคุณวีณา ได้ไปดำเนินการขอให้ยุติพิธี โดยระบุว่าจะให้เก็บร่างเอาไว้ 3 ปี และให้คดีสิ้นสุดก่อน จึงทำให้ยังไม่สามารถจัดพิธีได้ ทั้งที่ทางคนสนิทก็ได้มีการประชุมร่วมกับญาติของคุณวีณา มาก่อนหน้านี้แล้ว และได้มีการทำการ์ดเชิญ และเรียนเชิญผู้ใหญ่มาพร้อมหมดแล้ว
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
กรณีที่มีกระแสข่าวว่าไม่อนุญาตให้ญาติของคุณวีณาเข้าออกบ้านเลยนั้นไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าสามารถที่จะเข้ามาบ้านได้ตามปกติ ไม่ได้มีการกีดกัน
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง และเคยเข้าออกบ้านหลังนี้ ยืนยันว่า ญาติของคุณวีณา สามารถเข้าออกบ้านได้ตามปกติ ไม่เคยปิดกั้น ซึ่งเคยเห็นว่าญาติเค้าออกบ้านเช่นกัน แต่จะเห็นในช่วงเทศกาลที่เข้ามา หรือเวลาที่คุณวีณาป่วย ซึ่งเวลาที่ป่วย ก็จะแจ้งญาติ ๆ บางครั้งเคยไปรับญาติกลางทาง และไปโรงพยาบาลด้วยกันก็มี ท่าที่เห็น สาวใช้คนนี้ ก็ดูแลคุณวีณามาอย่างดีโดยตลอด
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้